ปัญหาน้ำหนักเกิน บางท่านอาจหาวิธีในการลดน้ำหนัก หรือผ่านการลดน้ำหนักมาหลากหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินลดกลุ่มแป้งน้ำตาล ควบคุมการรับประทานอาหารตามระยะเวลา หรือที่ทุกคนรู้จักก็คือ การทำ IF ซึ่งปัญหาน้ำหนักเกินมาจากการเผาผลาญที่น้อยลง เกิดจากการสะสมของอาหารภายในร่างกายที่ปริมาณมาก ซึ่งถ้าหากจะดูแลเรื่องน้ำหนักไม่ให้มากเกินไป ควรมีองค์ประกอบ 3 ส่วนที่ช่วยดูแล เช่น ปัจจัยคุณภาพอาหารมีความสำคัญ ปัจจัยระยะเวลาในการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบมากกว่าอาหาร ซึ่งหากมลภาวะเป็นพิษก็ส่งผลกระทบเป็นภาระให้แก่ร่างกายได้อีกด้วยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้นวัตกรรมทางการแพทย์ที่เข้ามามีส่วนช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมใหม่อย่างการกลืนบอลลูน (Gastric Balloon) ตัดกระเพาะ ดูดไขมัน หรือแม้แต่กระทั่งการเลือกรับประทานยาลดความอ้วน เพื่อช่วยให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ได้น้อยลง แต่รู้ไหมว่า ข้อดีและข้อเสีย ของตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่เรากำลังจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ถ้าอยากทราบกันแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
ตัดกระเพาะ
จุดประสงค์ของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร คือ ควบคุมพฤติกรรมการกิน เนื่องจากกระเพาะอาหารเล็กลงจึงทำให้ร่างกายกินอาหารได้น้อยลง แต่อย่างไรก็ตามข้อควรระวังในกรณีของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะ จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน จะต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
กลืนบอลลูน (Gastric Balloon)
กลืนบอลลูน หรือการใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย และเห็นผลโดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งในขั้นตอนของการกลืนบอลลูนในกระเพาะ ใช้เวลาเพียงแค่ 15-30 นาที โดยประมาณ ดังนั้นกลืนบอลลูนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือลดสัดส่วนที่ช่วยให้ร่างกายไม่ต้องเกิดความเสี่ยงในการผ่าตัดเช่นเดียวกับการตัดกระเพาะ
กินยาลดความอ้วนดีกว่า กลืนบอลลูน (Gastric Balloon) เพราะไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน ?
แน่นอนว่า “ยาลดความอ้วน” ยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน หรือต้องการลดน้ำหนักแบบรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่ายาลดความอ้วน มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างรุนแรง บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ ยกตัวอย่างความอันตรายที่มาจากยาลดความอ้วน เช่น
หัวใจทำงานผิดปกติ เนื่องจากยาลดความอ้วนส่งผลกระทบโดยตรงไปยังกระเพาะอาหาร จึงทำให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติ และทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ไม่เต็มที่ เมื่อเลือดไปหล่อเลี้ยงได้ไม่เต็มที่ จึงส่งผลทำให้หัวใจทำงานหนักกว่าปกติ ในบางรายถึงขั้นที่หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ในเวลาต่อมา
เพิ่มความดันในกระแสเลือด ทำให้เลือดสูบฉีดได้ไม่เต็มที่ต่อความต้องการของระบบต่างๆ ในร่างกาย เพราะแน่นอนว่ายาลดความอ้วน จะต้องมีการอดอาหารร่วมไปกับการทานยาประเภทนี้ จึงทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และทำให้ร่างกายขาดพลังงานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในประจำวัน
เกิดความวิตกกังวลจากผลข้างเคียง เพราะโทษของยาลดความอ้วนที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ นั่นก็คือเมื่อใดที่ร่างกายได้รับสารต่างๆ ที่มาจากส่วนผสมของยา จะทำให้สมอง และความคิดเกิดความวิตกกังวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้ร่างกายเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อโรคภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดท้อง ปวดหัว หรือในบางรายอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายตัวเองได้อีกเช่นกัน
มีอาการติดยา เนื่องจากยาลดความอ้วนในแต่ละยี่ห้ออาจทำให้ร่างกายของแต่ละบุคคลได้รับสารจากตัวยาแตกต่างกันออกไป บางคนกินยี่ห้อนี่อาจเห็นผล หรือบางคนกินยี่ห้อเดียวกัน แต่อาจจะไม่เห็นผล จึงทำให้เปลี่ยนยาลดความอ้วนไปเรื่อยๆ อีกทั้งยาลดความอ้วนในบางตัว ยังมีสารกดทับประสาท ทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ จึงเกิดความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายของผู้ที่ทานยาลดความอ้วนจะรู้สึกว่าตัวเองผอมลง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปสักระยะ จะทำให้ร่างกายเกิดการโยโย่ หรือที่เรียกว่าร่างกายกลับมาอ้วนหนักกว่าเดิม เนื่องจากไขมันส่วนเกินไม่ได้ถูกการเผาผลาญออกไปอย่างถูกวิธี
กลืนบอลลูน (Gastric Balloon) แตกต่างจาก ดูดไขมัน อย่างไร ?
ดูดไขมัน กับความเชื่อผิดๆ ที่หลายคนในปัจจุบันยังมองว่าการดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะนั่นคือความเชื่อที่ผิดมาก คำพูดพวกนี้เป็นสิ่งที่เล่ากันปากต่อปากเพราะจริงๆ แล้วผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันนั้นเพียงแค่ทำการแก้ไขในจุดบกพร่องของร่างกายให้สมบูรณ์ หรือเพียงแค่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายที่ไม่ต้องการซะมากกว่า ดังนั้นความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการดูดไขมัน จึงเป็นเพียงคำโมษณาชวนเชื่อเพื่อเป็นสิ่งที่ดึงดูด และแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดไปมากจากการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมัน
กลืนบอลลูน (Gastric Balloon) คือการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะแตกต่างจากการดูดไขมัน เพราะหลักๆแล้ว ประโยชน์ของบอลลูนกระเพาะอาหาร มีส่วนช่วยให้ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือลดน้ำหนักให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม โดยข้อดีของการกลืนบอลลูน ทางเลือกใหม่ในการลดน้ำหนักมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- กลืนบอลลูน (Gastric Balloon) เป็นตัวช่วยในการรักษาคนไข้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานให้มีน้ำหนักที่ลดลง 12-15% จากปริมาณน้ำหนักเดิมในระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน
- นวัตกรรมกลืนบอลลูนในรุ่นก่อน ๆ ต้องใส่ และเอาออกด้วยกระบวนการส่องกล้องทางการแพทย์ซึ่งต้องใช้ยาสลบ แต่การกลืนบอลลูน (Gastric Balloon) ที่ APEX เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่เป็นบอลลูนในกระเพาะอาหารที่กลืนเข้าไปได้ และเมื่อถึงตามกำหนดของบอลลูนจะถูกขับออกมาตามธรรมชาติ
- ในการกลืนบอลลูน (Gastric Balloon) ในนัวตกรรมใหม่นี้ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องส่องกล้อง หรือดมยาสลบ ช่วยให้สะดวก สบาย และมีความปลอดภัยต่อร่างกาย และระบบอวัยวะภายในมากยิ่งขึ้น
กลืนบอลลูน (Gastric Balloon) ที่ไหนดี
ขอแนะนำ Apex Medical Center เลยค่ะ เนื่องจากทางทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ APEX ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความก้าวหน้า ทันสมัย เพื่อดูแลสุขภาพของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง APEX ได้นำเข้า Gastric Balloon ปี 2023 แห่งแรกในประเทศไทย โดย Allurion Gastric Balloon Program เป็นโปรแกรมลดน้ำหนัก ที่ฉีกกฎของการลดน้ำหนักในแบบเดิม คือ ไม่ผ่าตัด ไม่ส่องกล้อง ไม่ดมยาสลบ และยังมีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน และผู้ประสบปัญหาในการลดน้ำหนักยาก นับได้ว่าเป็นกระบวนการที่กระทบร่างกายที่น้อยที่สุด เนื่องจากกลืนบอลลูน Gastric Balloon เป็นตัวช่วยที่เข้าไปดูแลปัญหาด้านการลดน้ำหนักเพียงชั่วคราว (4 เดือน หรือ 120 วัน) ซึ่งในระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่าสามารถช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานได้น้อยลง และช่วยให้ค่าเฉลี่ยน้ำหนักลดลงไปจากเดิมถึง 15-25% เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ประสบความสำเร็จในด้านการลดน้ำหนักแบบยั่งยืนอย่างแท้จริงค่ะ
APEX Life Center เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ