ปัญหาใหญ่ของคนวัยเข้าเลข 3 แล้ว นอกจากเรื่องอายุคงเป็นเรื่องของความสวยความงามที่เริ่มฟื้นฟูได้ช้าลง เริ่มเกิดริ้วรอยบริเวณต่างๆ รวมไปถึงความหย่อนคล้อยที่เริ่มมองเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้หลายคนต้องมองหาทางแก้ที่จะช่วยให้ปัญหาที่มีหมดไปโดยเร็ว แต่ในบางครั้ง ทางแก้ไขที่เลือกก็ไม่ได้ตอบโจทย์กับปัญหาที่มีบนใบหน้า กลายเป็นว่าแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุดนั้นเอง
แต่ในปัจจุบันนวัตกรรมการยกกระชับแห่งปี 2023 มีตัวเลือกให้ใช้บริการอยู่อย่างหลากหลาย เราจึงได้ทำการเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง Morpheus 8 vs Ultherapy ตัวท็อปของเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด และผ่านการรับรองมาตรฐาน US FDA มาดูกันว่านวัตกรรมไหนดีที่สุด เหมาะกับคุณมากที่สุด ตามมาเช็กลิสต์ข้อดี-ข้อเสียของทั้ง 2 เทคโนโลยีกันได้เลยค่ะ
Morpheus8
เทคโนโลยีกระชับผิวชั้นลึกขั้นสุด
ปรับผิวเรียบ เปลี่ยนผิวยับ ให้กลับมาเฟียส
Morpheus8 มิติใหม่แห่งการยกกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด นวัตกรรมใหม่ Fractional Microneedle RF ซึ่งหัวทิปของ Morpheus 8 จะมีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ จำนวน 24 เข็ม เรียงตัวกัน เมื่อวางลงบนผิวก็จะส่งพลังงาน RF ผ่านหัวเข็มเข้าไปกระตุ้นผิวได้หลายระดับความลึกตามปัญหาคนไข้ ตั้งแต่ระดับ 1 – 4 มิลลิเมตร (Multi Layer Technology) ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังเกิดการหดตัวลง ลดชั้นไขมันใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ (Dermal Remodeling) และชั้นไขมันใต้ผิว (Subdermal Adipose Remodeling device – SARD) ช่วยยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ปรับผิวให้เรียบเนียน
Morpheus8 เทคโนโลยีที่พร้อมจบทุกปัญหาที่เกิด
การทำงานสามารถตั้งโปรแกรมการรักษาและนำส่งพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ ‘RF’ (Radio Frequency) ผ่าน Gold Coated micropins หรือเข็มเคลือบทองคำขนาดจิ๋ว จำนวน 24 Pin สำหรับใบหน้าและลำคอ จำนวน 40 Pin สำหรับผิวกาย ไปยังชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษา โดย มอร์เฟียส เลือกปรับระดับความลึกของพลังงานลงสู่ชั้นผิวที่ต้องการ ด้วย Multi-layer teachnology บริเวณใบหน้าและลำคอ ความลึกตั้งแต่ 2-3 และ 4 มิลลิเมตร บริเวณผิวตัวความลึก 7 มิลลิเมตร ซึ่งจะพลังงานปรับให้เหมาะกับชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวของแต่ละบุคคล (Adjustable Depth Fractional Radiofrequency) ขณะที่พลังงานความร้อนจากการรักษาจะไม่ทำลายผิวด้านบน (Epidermis) แต่จะกระตุ้นการซ่อมสร้างผิวให้กำเนิดใหม่ ได้แก่ เส้นใยคอลลาเจน เส้นใยอิลาสติน (Elastin) และกระชับชั้นไขมันใต้ผิว
Morpheus8 เหมาะสำหรับใคร? ใครทำได้บ้าง?
ทุกคนอาจจะคิดว่าปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย พบได้กับผู้ที่ช่วงอายุเยอะแต่จริงๆ แล้วทุกช่วงอายุล้วนประสบปัญหานี้ได้ เจ้าเครื่อง Morpheus8 ตัวนี้เลย ถูกออกแบบขึ้นให้เหมาะกับทุกช่วงวัยเพื่อสยบทุกปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็น ปัญหาแก้มห้อย ผิวหย่อนคล้อยหน้าไม่กระชับ ริ้วรอยเยอะ หรือวัยที่เหนียงห้อย ผิวมีหลุมสิวผิวไม่เรียบ เป็นสิวแล้วเกิดรอยแผลเป็นจากหลุมสิว
ข้อดีของ Morpheus8
- Morpheus Pro จะช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนเดิม รวมไปถึงการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่อีกครั้ง ทำให้โครงสร้างผิวกระชับขึ้น ส่งผลต่อปัญหาผิวที่มีความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด
- ช่วยในการจัดเรียงชั้นไขมันใต้ผิว ส่งผลให้หลังจากการทำ Morpheus Pro แล้ว ใบหน้าจะถูกกระชับชับทำให้เห็นได้ชัดว่าเรียวและเล็กกว่าเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ
- ลดรอยสิว และรอยดำบนใบหน้าให้จางขึ้น หลังจากทำ Morpheus Pro แล้ว และยังรวมไปถึงการกระชับรูขุมขนที่กว้างให้ตื้นหรือเล็กลงอีกด้วย
- ลดริ้วรอย ร่องตื้นบริเวณหางตาหรือร่องแก้มได้อีกด้วย เนื่องจากหัว tip ของ Morpheus Pro สามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้
เตรียมความพร้อมยังไงก่อนการทำ Morpheus8?
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ อย่างน้อย 14 วันก่อนเข้ารับบริการ
- งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวบาง เช่น การขัดผิว สครับผิว บริเวณที่ต้องการทำหรือกิจกรรมกลางแจ้ง
- งดการรับประมานอาหารเสริม หรือยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
การดูแลหลังการทำ Morpheus8
หลังการรักษาในบริเวณที่รักษาอาจเกิดอาการแดงประมาณ 1-2 ชั่วโมง รอยแดงจะค่อย ๆ หายไปหลังทำเสร็จประมาณ 2-3 วัน อาจเกิดเป็นสะเก็ดบาง ๆ และจะค่อย ๆ หลุดออก
ผลลัพธ์หลังทำ Morpheus8
- ผิวยกกระชับขึ้นจากก่อนทำทันทีและเห็นผลลัพธ์แบบเต็มที่ใน 4 สัปดาห์
- รูขุมขนกระชับขึ้น
- ผิวเต่งตึง ริ้วรอยจาง
- หลุมสิวตื้นขึ้น รอยสิวจางลง
- ลดกระ จุดด่างดำ
Ulthera
นวัตกรรมยกหน้า ปรับหน้าเรียว
Ulthera (อัลเทอร่า) เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อการยกกระชับโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถยกได้ลึกถึงชั้น SMAS และตรงจุดมากที่สุด ความแตกต่างระหว่าง Morpheus 8 กับ Ultherapy ที่เด่น ๆ คือมอร์เฟียสจะใช้คลื่นวิทยุในการรักษา ส่วนอัลเทอร่าจะใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์หรือคลื่นเสียงในการรักษา ซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง มีความเฉพาะเจาะจง และแม่นยำ เหมาะสำหรับการยกกระชับ ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยใช้เวลาในการรักษาประมาณ 45 นาที และไม่ทำให้เกิดบาดแผล หลังการทำสามารถแต่งหน้าได้ปกติโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
หลักการทำงาน Ulthera
ใช้เทคโนโลยีการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงที่มีความเฉพาะเจาะจงไปยังผิวหนัง แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนจุดเล็กๆ ลงลึกสู่ใต้ชั้นผิวหนัง มุ่งเป้าหมายไปยังรอยต่อของชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน ( SMAS ) ซึ่งเทคโนโลยีอื่น ในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ยกเว้นการทำศัลยกรรม อัลเทอร่าจะส่งผ่านความร้อนนี้เป็นจุดเล็กๆ มีระยะห่างระหว่างจุดเท่าๆ กันประมาณ 1 มม.
จึงมีความสม่ำเสมอของพลังงานที่ลงสู่ใต้ผิวและยังสามารถลงลึกได้ถึงตำแหน่งที่ต้องการ โดยแพทย์สามารถมองเห็นสภาพผิวหนังที่กำลังรักษาผ่านหน้าจอเครื่องตลอดเวลา นำมาซึ่งการรักษาที่แม่นยำสูง และได้ผลการรักษาที่แน่นอนกว่า ขบวนการรักษาทั้งหมดนี้จะไปกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผิวค่อยๆ ตึงขึ้นและ เรียบเนียนขึ้นทีละน้อย ดูเป็นธรรมชาติ
ระดับความลึกในการยิงของ Ulthera
- หัว 1.5 mm เหมาะสำหรับริ้วรอยผิวชั้นบน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
- หัว 3.0 mm หัว 3.0 mm สำหรับกระชับชั้นไขมัน (Subcutis) ที่มีคอลลาเจนแนวตั้ง เหมาะสำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว บริเวณกรอบตาและหน้าผาก และสามารถยิงชั้น SMAS ในบางบริเวณของใบหน้าที่มีชั้นผิวบาง
- หัว 4.5 mm สำหรับยิงชั้น smas ที่มีคอลลาเจนแนวนอน และเป็นผิวหนังชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งหัว 4.5 เหมาะสำหรับยกแก้ม เหนียง และลำคอ
ข้อดีของ Ultherapy
- ผิวดูเรียบเนียน ยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
- ใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง มีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำ แพทย์สามารถปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมกับผิวได้
- ฟื้นฟูลึกซึ้งถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถลงลึกสู่เซลล์ผิวได้ถึงระดับ 4.5 มม.
- ปรับผิวให้ดูเรียบเนียนสดใส ให้ผิวเฟิร์ม ดูยกกระชับ และริ้วรอยแลดูลดเลือนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
Ultherapy เหมาะกับใคร
การยกกระชับผิวด้วยอัลเทอร่า เหมาะสมกับผู้ที่มีช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไปและมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ไม่เต่งตึง กรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เรียว แก้มห้อยย้อย ผิวใต้คางหย่อนคล้อย ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ กรอบหน้าชัด ดูมีมิติ ต้องการปรับสภาพผิว เพิ่มความตึงกระชับและความยืดหยุ่นให้ผิวหน้า กระชับรูขุมขน มีใบหน้าทั้ง 2 ข้าง ไม่เท่ากันและอยากรักษาถึงผิวชั้นลึกแต่ไม่อยากผ่าตัด โดยสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา แก้ม ใต้คาง หรือเหนียง ลำคอ ผิวหน้าอก หน้าท้อง และ ท้องแขน เป็นต้น
ผลลัพธ์หลังทำ Ulthera อยู่ได้นาน
เป็นเรื่องจริงที่หลังจากการทำอัลเทอร่าไม่ได้มีข้อที่จำเป็นต้องทำเป็นพิเศษ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที แต่การทำอัลเทอร่านั้นก็ถือว่าเป็นหัตถการที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงควรรักษาผลการรักษาให้คงอยู่ได้นานมากที่สุด โดยมีข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติตามอยู่
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือความร้อน เช่น สตรีม ซาวด์น่า ภายหลังทำ 4-5 วัน
- ทาครีมบำรุง และครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม ในกรณีที่มีอาการบวม
- สามารถประคบเย็นในกรณีที่มีอาการบวมแดงมาก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น หลังทำ Ulthera
- ผิวตึงยกกระชับขึ้น
- รูขุมขนเล็กลง
- ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้ม ใบหน้าและลำคอ
- ลดเหนียงใต้คาง
- กรอบหน้าดูเด่นชัดขึ้น
- ปรับรูปหน้าเรียววีเชฟขึ้น
- หางคิ้ว หางตา และหนังตายกกระชับขึ้น
- ใต้ตาที่หย่อนคล้อยยกกระชับขึ้น
สรุป 2 สุดยอดของเทคโนโลยียกกระชับผิว
ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี
Morpheus8 ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุแบบ Fractional Microneedle RF ส่งผ่านเข็มขนาดเล็กจำนวนมาก ลงสู่ชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งจะกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนและอิลาสติน
Ulthera ใช้พลังงานคลื่นเสียงแบบ High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) ส่งผ่านหัวปล่อยคลื่นเสียง ลงสู่ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนัง โดยพลังงานคลื่นเสียงจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งจะกระตุ้นการหดตัวของชั้น SMAS ทำให้ผิวกระชับขึ้น
ความแตกต่างด้านผลลัพธ์
Morpheus8 สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏให้เห็นภายใน 3-6 เดือนหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
Ulthera สามารถยกกระชับผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Morpheus8 โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏให้เห็นภายใน 6 เดือนหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
ความแตกต่างด้านความปลอดภัย
Morpheus8 และ Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการแพ้ยาชาหรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา
ความแตกต่างด้านราคา
Morpheus8 และ Ulthera มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น บริเวณที่ทำการรักษา จำนวนครั้งในการทำการรักษา และคลินิกที่ทำการรักษา
คำแนะนำในการเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิว
ในการเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิว ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ระดับความรุนแรงของปัญหาผิว
- งบประมาณ
- ความสะดวกในการเข้ารับการรักษา
- ผลลัพธ์ที่ต้องการ
สุดท้ายแล้วปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่เต่งตึงจะหมดไปถ้าเราเลือกเครื่องยกกระชับใบหน้าที่เหมาะกับเราและเลือกใช้บริการคลินิกที่น่าเชื่อถือได้การรับรองการปรึกษากับแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ แต่ถ้าหากใครที่ยังเลือกไม่ได้ APEX MEDICAL CENTER ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้ปัญหาแก้มห้อยได้หมดไปการเลือกนะคะ เพราะเรามีถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเกี่ยวกับผิวหนังและการปรับรูปหน้า พร้อมดูแลทุกคนอยู่ค่า~~
สนใจนัดจองคิวหรือปรึกษาเพิ่มเติม ทักก่อนสวยก่อนใครได้ที่
085-0000855
Line OA : @apexlifting (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)
Facebook : Apex Profound Beauty
Inbox : https://www.facebook.com/ApexProfoundBeauty/inbox
IG : apexbeauty
APEX ของเรามีพร้อมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการนะคะ