นอกจากริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก ร่องแก้มก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เห็นชัดเมื่อเรามีอายุมากขึ้น บางคนร่องแก้มดูลึกจนทำให้ดูอายุเยอะกว่าวัยจริง ซึ่งอาจจะเกิดจากการหัวเราะเยอะ ๆ นอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ การสูบบุหรี่ รวมถึงเรื่องธรรมชาติอย่างความเสื่อมโทรมของเซลผิว
ร่องแก้มลึก หรือ รอยพับบริเวณแก้ม มีสาเหตุมาจากคอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ใต้ผิวเกิดเสื่อมสภาพจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วรอยย่นที่แก้มจะมีลักษณะเป็นร่องลึก เป็นเส้นยาวตั้งแต่บริเวณปีกจมูกโค้งลงมาถึงมุมปาก หรือบางคนก็อาจยาวลงมาถึงคางเลยทีเดียว!
วิธีที่ดีที่สุดของการกำจัดร่องแก้มคือ “การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม” ซึ่งเป็นการฉีดเติมร่องแก้มด้วยสารเติมเต็มตามธรรมชาติ (Hyaluronic Acid) สามารถอยู่ได้ชั่วคราว ประมาณ 1-2 ปี เทคนิคการฉีดสมัยก่อนคุณหมอจะฉีด ฟิลเลอร์ (Filler) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นร่องลึกเพื่อเติมเต็มให้ร่องดูตื้น ผิวเรียบเนียนและเต่งตึงไร้ริ้วรอย แต่ด้วยนวัตกรรมและเทคนิคของแพทย์ที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่ใช่แค่การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องแก้มที่ลึกอีกต่อไป เพราะปัญหาร่องแก้มลึกกว่า 90% เกิดจากปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย คุณหมอจึงใช้เทคนิดการฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับ ซึ่งเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปทดแทนคอลลาเจนและอิลาสตินบนใบหน้าที่สูญเสียไป ทำให้หน้าอ่อนเยาว์ ยกกระชับและร่องแก้มดูตื้นขึ้น การฉีดฟิลเลอร์เติมร่องแก้มด้วยเทคนิคฟิลเลอร์ลิฟท์เพื่อลดร่องแก้มจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ถมไปบนร่องแก้มที่ลึก
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ คนไข้อาจจะมีความรู้สึกบวมตึง และมีแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ในบางเคสอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้ ซึ่งอาการเขียวช้ำจะค่อย ๆ จางหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ คือ เห็นผลลัพธ์ทันที เรียกได้ว่าฉีดเสร็จปุ๊บ ผิวจะอวบอิ่มและเต่งตึงขึ้นมาแบบทันตาเลยทีเดียว โดยทั่วไปแล้ว สารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี แล้วแต่การดูแลของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มไปแล้วควรดูแลตัวเองดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการนวดและสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลังการฉีดฟิลเลอร์ไปสิ่งสำคัญที่สุดคือ “ห้ามนวด กด รวมถึงการสัมผัสแรง ๆ” ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ลิฟท์ การนวดอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนที่จากบริเวณที่ฉีด ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้หรือทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางประเภท
ควรหลีกเลี่ยงการทานวิตามิน เช่น วิตามินซี วิตามินอี กิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสม ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดโอกาส “ภาวะช้ำ” เพราะวิตามินเหล่านี้ทำให้เลือกแข็งตัวช้าอาจจะทำให้ช้ำได้ง่ายกว่าปกติ หรือมีเลือดซึมหลังจากฉีดฟิลเลอร์
- ดื่มน้ำมาก ๆ
ฟิลเลอร์คือสารไฮยารูโลนิคซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 4–5 วันแรก แพทย์จึงแนะนำให้ดื่มน้ำให้อย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว จะช่วยให้ฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีขึ้นและทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอลฮอล์ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ฟิลเลอร์สลาย แต่แอลกอฮอล์จะทำให้คนไข้ขาดสติ อาจจะเผลอนวดและไม่ระมัดระวังในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไป รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้เลือดซึมออกมาในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่ใช่การฉีดสารเติมเต็มผิว (Hyaluronic Acid) ถม ๆ เข้าไปเหมือนสมัยก่อน แต่เป็นการฉีดแบบฟิลเลอร์ลิฟท์เข้าไปเพื่อยกกระชับผิวบริเวณนั้น ๆ ให้เต่งตึง อิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์ป็นธรรมชาติมากกว่า และสำคัญที่สุดเลยคือการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะได้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานที่สุดนั่นเองค่ะ
อยากปรึกษาปัญหาลดเลือนริ้วรอย ย้อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถสอบเพิ่มเติมเข้ามาได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมไขข้อสงสัยให้คุณค่ะ
The post เทคนิคใหม่ล่าสุดของการฟิลเลอร์ร่องแก้ม appeared first on Apex Profound Beauty.