กระแสการยกกระชับหน้าด้วยการ ร้อยไหม เริ่มมีในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว โดยส่วนมากตามคลินิคความงามจะใช้เส้นไหมที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี จนใคร ๆ เรียกติดปากว่าไหมเกาหลี แต่อย่างที่เรารู้กันว่าไหมเกาหลีเป็นการนำไหมเย็บแผลมาร้อยเป็นตารางเพื่อให้หน้าดูยก ไม่ได้ผลิตมาเพื่อการยกหน้าโดยตรงและไม่ผ่าน อย. อีกด้วย แต่ความนิยมของการร้อยไหมก็ไม่เคยตก จนตอนนี้ในวงการร้อยไหมมีการพัฒนาเส้นไหมสำหรับการยกกระชับผิวขึ้นใหม่ล่าสุด ส่งตรงจากประเทศอิตาลี จึงถูกเรียกว่า การร้อยไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) ซึ่งเป็นไหมชนิดแรกที่ผ่าน อย. เรื่องของการยกกระชับ และไม่ใช่แค่ไหมที่ผลิตมาพิเศษเพื่อยกกระชับหน้า แต่เทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี ก็เป็นเทคนิคพิเศษอีกด้วย ทำให้ผิวหน้าของคุณยกกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัด “เจ็บน้อย เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้นนาน” ลดความหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจน ปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดทันใจ การร้อยไหมอิตาลีเพื่อยกกระชับจึงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากยุโรปถึงประเทศไทย
ยกกระชับหน้าด้วยการร้อยไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift) คืออะไร ?
ไหมอิตาลี หรือที่เมืองนอกเป็นที่รู้จักกันในนาม Definisse – Italian Thread Lift เป็นเส้นไหมที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งผลิตด้วยวัสดุที่ผสมผสานกันระหว่าง PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมละลายทั่วไป และ PCL (Polycaprolactone) เป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรงกว่าไหมละลาย และ PLLA มีคุณสมบัติของการอุ้มน้ำได้ดี จึงไม่เปราะแตกง่าย ยึดเกาะผิวได้ดี ซึ่งการเอาจุดเด่นของทั้ง 2 วัสดุนี้ออกมา ทำให้ไหมอิตาลีมีคุณสมบัติยืดหยุ่นแต่แข็งแรง มีแรงดึงในการยกหน้าได้ดีกว่าไหมอื่น ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าการร้อยไหมละลายสมัยก่อน
ไหมอิตาลีต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?
คุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างแรกของไหมอิตาลี คือ เส้นไหมถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน (Bidirectional Convergent Barb) เมื่อร้อยเข้าชั้นใต้ผิวหนังจะล็อคกับผิวได้ดีขึ้นมาก ไม่ขาดง่ายเหมือนวัสดุอื่น ๆ และด้วยลักษณะของเงี่ยงที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนไปเรื่อย ๆ ส่งผลต่อการยกกระชับผิวให้เต่งตึงได้ในระยะยาว และยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวแถมมาด้วยนะคะ
คุณสมบัติอีกข้อที่น่าสนใจ คือ เทคนิคการร้อยค่ะ เป็นแบบ Double Needle Technique โดยไหมอิตาลีนี้ ถูกออกแบบมาให้มีเข็มนำในแต่ละด้านของปลายไหมด้วย ซึ่งปลายเข็มจะคมมากและลื่นเป็นพิเศษ ทำให้สามารถร้อยในทิศทางที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดการเกิดอาการบวมแดงหลังจากการร้อยไหม
เพราะฉะนั้นการร้อยไหมอิตาลี เป็นทั้งการใช้วัสดุและเทคนิคพิเศษในการร้อย จึงใช้เส้นไหมที่น้อยกว่า ยกได้นานกว่า ยกได้มากกว่า และเสี่ยงต่อการช้ำน้อยกว่าการร้อยไหมชนิดอื่น ๆ
การร้อยไหมอิตาลีเห็นผลแค่ไหน อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?
การร้อยไหมเพื่อยกหน้าแบบสมัยก่อน คือ การเอาเส้นไหมเรียงร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังชั้นไขมันเป็นโครงตาข่ายเพื่อให้หน้ายกขึ้น และบริเวณผิวที่ร้อยไหมเข้าไปจะถูกกระตุ้น ส่งผลไปถึงการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่พันรอบแนวเส้นไหมเอาไว้ ซึ่งจะถูกกระตุ้นเรื่อย ๆ จนผิวดูเต่งตึงอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง (ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมด้วย) ด้วยเหตุนี้ การร้อยไหมครั้งหนึ่งจะต้องใช้เส้นไหมไม่ต่ำกว่า 20-50 เส้น แต่การร้อย ไหมอิตาลี เพื่อการยกหน้าใช้ไหมเพียงข้างละ 1 เส้น! ใช้เทคนิคการร้อยแบบ Vector Lift เพื่อให้หน้ายกขึ้น เก็บเหนียง คางสองชั้น และกรอบหน้าให้ดูชัดได้รูปมากขึ้น และด้วยวัสดุของเส้นไหมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนทั้งใบหน้า เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นบริเวณที่ไม่ได้ร้อยไหมก็ดูดีขึ้นด้วยเช่นกัน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีเลยทีเดียว
ขั้นตอนการร้อยไหมอิตาลี
ขั้นตอนการเข้ารับการรักษาด้วยการร้อย ไหมอิตาลี
-
- ล้างหน้า เช็ดเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด
- แพทย์จะประเมินปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างละเอียด
- แพทย์ทำการออกแบบ และเลือกเทคนิคการ ร้อยไหม ตามปัญหาของลูกค้า
- แพทย์จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดผิว และฉีดยาชาประมาณ 3-4 จุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการร้อยไหม คือ เครื่องมือที่นำมาใช้จะต้องผ่านการอบฆ่าเชื้อก่อนที่จะใช้เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift)
-
- งดรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามิน C วิตามิน E รวมถึงยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอล อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันเลือดออกง่าย และเสี่ยงกับอาการช้ำ
- งดการทำเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Thermage Ulthera 1-2 อาทิตย์ก่อนร้อยไหม แต่การร้อยไหมและทำเครื่องสามารถทำในวันเดียวกันได้
- ถ้าต้องทำฟันให้ทำฟันก่อนการ ร้อยไหม หรือหลังจากร้อยไหมแล้ว 1 เดือน เพราะการทำฟันต้องอ้าปากกว้าง อาจจะทำให้ไหมหลุดได้
การดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอิตาลี
-
- งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงหลังร้อยไหมเสร็จ
- งดนวดหน้าทั้งนวดมือและนวดเครื่อง
- สัมผัสผิวหน้าเบา ๆ อย่านวดคลึงหรือเท้าคาง เพราะอาจจะทำให้การยกของไหมไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้
- ระวังการหัวเราะ หาว และการอ้าปากกว้าง ๆ เพราะอาจจะทำให้ไหมหลุดได้
- หลังจากร้อย ไหมอิตาลี 1-2 วัน ในบางเคสอาจจะสังเกตได้ถึงรอยบุ๋ม ซึ่งเป็นปกติของการร้อยไหมเนื่องจากผิวถูกดึงให้ตึง แต่รอยนั้นจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติใน 5-7 วัน
ใครเหมาะกับการร้อยไหมอิตาลี
การร้อยไหมสามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย คนที่ใบหน้ามีปัญหาหย่อนคล้อย มีเหนียง คางสองชั้น กรอบหน้าไม่ชัด คนที่มีใบหน้าอวบ มีไขมันก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับใบหน้าทุกรูปแบบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบกันด้วยนะคะ
ข้อดีของการร้อยไหมอิตาลี
ข้อดีสุด ๆ ของการร้อย ไหมอิตาลี จนเกิดเป็นคำจำกัดความสั้น ๆ ขึ้นมาว่า ‘เจ็บน้อยแต่ยกกระชับนาน’ คือ ในการร้อยไหมยกกระชับด้วยไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) นั้น จะใช้ไหมเพียงข้างละ 1-2 เส้นเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าการร้อยไหมแบบปกติมาก ช่วยลดความเสี่ยงของอาการช้ำและความเจ็บปวดของผู้เข้ารับการรักษา และด้วยเทคนิคพิเศษในการร้อยไหมอิตาลีนี้ จะช่วยเก็บส่วนเกินใบหน้าในส่วนที่เครื่องยกกระชับเก็บไม่หมด เช่น กรอบหน้า เหนียง และยกแก้ม
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอิตาลีจากผู้ใช้จริงที่คุณพิสูจน์ได้ !
ภาพรีวิวก่อน – หลังการร้อยไหมอิตาลีทันที ซึ่งผลลัพธ์จากการร้อยไหมทันทีเป็นผลลัพธ์แค่เพียง 20-30% ของผลลัพธ์จริงเท่านั้น
เคสรีวิวที่ 1 เป็นเทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี เน้นการเก็บเหนียงและกรอบหน้า ทำให้หน้าดูเรียวเล็กขึ้น
เคสรีวิวที่ 2 เป็นเทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี เน้นการยกกระชับหน้า ให้แก้มที่ดูห้อยดูตกดูยกขึ้น
ทำให้หน้าเรียวเล็ก ดูอ่อนเยาว์
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอิตาลีเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น
เปรียบเทียบการร้อย ไหมอิตาลี กับการร้อยไหมเกาหลี
ไหมเกาหลี คือไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูงนำเข้าจากประเทศเกาหลี จึงถูกเรียกกันจนติดปากว่าไหมเกาหลี ส่วนมากจะเป็นไหมที่ทำจากวัสดุ PDO ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับเส้นไหมที่ใช้สำหรับการเย็บแผลผ่าตัด ร้อยต่อครั้งใช้ไหม 20-50 เส้น เพราะใช้การเรียงร้อยเป็นตาข่ายใต้ผิวให้เกิดการยก แต่ไหมอิตาลี คือเส้นไหมที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากไหมเกาหลี เป็นเทคนิคการร้อยไหมล่าสุด นำเข้าจากประเทศอิตาลี ที่สำคัญคือไหมชนิดนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจาก อย. ภายใต้ชื่อแบรนด์ Definisse ว่าเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ใช้สำหรับการร้อยไหมเพื่อยกกระชับโดยตรง และผลิตจากวัสดุ p(LA-CL) ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสมผสานระหว่าง
-
- PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง อุ้มน้ำได้ดี และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า
- PCL (Polycaprolactone) เป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรง
การร้อยไหมด้วยไหมอิตาลีจึงยกกระชับหน้าได้มากกว่า ถึงแม้จำนวนเส้นไหมที่ใช้จะแค่ 1-2 เส้นและผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า เพราะเงี่ยงและวัสดุที่ใช้ผลิตมาเพื่อยกกระชับหน้าโดยเฉพาะ
เปรียบเทียบการร้อย ไหมอิตาลี กับใช้เครื่องยกกระชับอย่าง Thermage, Ulthera, Hifu
จริง ๆ แล้วเครื่องมือที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม Thermage Ulthera หรือ Hifu ล้วนแต่ช่วยในการยกกระชับทั้งนั้น แต่แตกต่างกันตรงพลังงานและชั้นผิวที่แต่ละเครื่องจะลงลึกไม่เท่ากัน มีการวิจัยในต่างประเทศที่แบ่งกลุ่มคนไข้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำเครื่องมือยกกระชับ และกลุ่มที่ 2 ร้อยไหมพร้อมกับทำเครื่องมือยกกระชับ ผลลัพธ์ที่ได้คือกลุ่มที่ 2 ที่ร้อยไหมพร้อมกับทำเครื่องมือยกกระชับ เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าและใบหน้าดูแน่นกระชับกว่า ซึ่งจากการวิจัยเขียนไว้ว่า การร้อยไหมเหมือนเป็นการสร้างเสาบ้านและการทำเครื่องมือกกระชับอย่าง Thermage Ulthera หรือ Hifu ตามคือการฉาบเสาบ้าน ทำให้การสร้างคอลลาเจนของร่างกายมีการเรียงตัวได้ดีกว่าและกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า
APEX ของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอยู่ในทุกสาขา หากสนใจรับการประเมินรูปหน้า หรืออยากปรึกษาเกี่ยวการยกกระชับผิว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรือที่คลินิค APEX กว่า 30 สาขา ทั่วประเทศไทย
The post ร้อยไหมยกกระชับหน้าด้วย ไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift) appeared first on Apex Profound Beauty.