![รอยสิว กลบด้วย HA Skin Booster]()
ปัญหา ‘สิว’ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องสิว ๆ จากการศึกษาพบว่า สิวสามารถขึ้นได้ตั้งแต่เด็กวัยแรกเกิดเลยค่ะ โดยจะพบประมาณ 20% ซึ่งในวัยเด็กนั้นจะไม่ค่อยเจอว่าเกิดหลุมสิวหรือแผลเป็นจากสิว ส่วนมากช่วงวัยที่มักกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องสิว ๆ มากที่สุดคือ ช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน เพราะช่วงวัยรุ่นที่อายุตั้งแต่ 12-24 ปี พบว่าหลังจากเป็นสิว จะเกิดรอยหลุมสิวถึง 85% ส่วนในวัยกลางคนที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป พบว่าเกิดรอยหลุมถึง 40% ทำให้เรื่อง รอยสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจบนใบหน้าไม่ว่าจะกับวัยไหน ๆ ก็ตาม
![สิว Acne]()
สิว เกิดขึ้นได้จากทั้งกรรมพันธุ์และหลายสาเหตุค่ะ ซึ่งในแต่ละช่วงวัยจะมีปัจจัยการเกิดสิวที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น
-
- วัยรุ่น อายุตั้งแต่ 12-24 ปี ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดสิว คือ ฮอร์โมน เพราะวัยนี้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) จะเพิ่มระดับขึ้นทั้งในวัยรุ่นหญิงและชาย มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย กระตุ้นการผลิตไขมันในต่อมไขมันและการผลิตไขมันส่วนเกิน จนเป็นสาเหตุให้เกิดสิว ที่เรียกว่า สิวฮอร์โมน ขึ้นได้ในช่วงวัยรุ่น
- วัยกลางคนหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อายุตั้งแต่ 25-40 ปี ในวัยนี้อาจมีสิวที่เกิดขึ้นจากฮอร์โมนได้บ้างเหมือนกัน แต่ส่วนมากแล้วคนในวัยผู้ใหญ่จะเป็นสิวจากการใช้ชีวิตเสียส่วนใหญ่ ทั้งจากการทานอาหารเสริม, การทานยารักษาโรคบางชนิด, การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว, ล้างหน้าไม่สะอาดหลังจากการแต่งหน้า หรือการที่ไม่ค่อยล้างอุปกรณ์แต่งหน้าแล้วเอามาใช้ซ้ำ ๆ , มลภาวะต่าง ๆ ในแต่ละวัน, ความเครียด เป็นต้น
- วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย อายุตั้งแต่ 41 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกับเพศหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ในช่วงวัยนี้จะเริ่มเกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนอีกครั้ง แต่เป็นการผลิตฮอร์โมนได้น้อยลงสลับกันกับช่วงวัยรุ่น ปัญหาที่จะเกิดในวัยนี้คือ ผิวเริ่มแห้งเนื่องจากกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ผิวจะบางลง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดอาการแพ้ง่ายและไวต่อการเป็นสิว
นอกจากปัจจัยข้างต้นตามช่วงวัยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยทางอ้อมบางอย่างที่ไม่ได้ทำให้เกิดสิวโดยตรง แต่เป็นสิ่งที่คนเรามักเผลอทำไปแบบไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวจนทิ้ง รอยสิว เป็นร่องรอยไว้ได้ อย่างเช่น
-
- การถูหรือสัมผัสเสียดสีบนผิวหนังเป็นประจำ ทั้งจากการใส่เสื้อผ้ารัด ๆ เป็นประจำ (ชุดชั้นในของผู้หญิง, ชุดว่ายน้ำ, ชุดกีฬาต่าง ๆ) การใช้หมวกกันน็อคก็มีส่วน การบีบสิวแบบผิดวิธี การขัดหน้าหรือนวดหน้า จะยิ่งเป็นการกระตุ้นอาการอักเสบของสิวได้
- แสงแดด ไม่ได้ทำให้เกิดสิวโดยตรง แต่หากเป็นสิวอยู่แล้ว แต่ไปตากแดดเป็นเวลานาน ๆ รังสียูวีในแสงแดดจะทำให้สิวแย่ลงได้ และในยารักษาสิวบางชนิดทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ทำให้ผิวหนังมีการเปิดรับแสงแดดในปริมาณที่มากเกินไปอีกด้วย
- การรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นประจำ เพราะหากน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ระดับของอินซูลินก็จะมากขึ้นตาม ซึ่งอินซูลินจะเป็นตัวไปกระตุ้นฮอร์โมนเอนโดรเจน และจะส่งผลไปถึงการกระตุ้นการผลิตไขมันส่วนเกิน จนทำให้เกิดสิวตามมาได้เช่นกัน
หลังจากเป็นสิว สิ่งที่มักตามมาคือการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว อาจเป็นได้ทั้งรอยจุด ๆ สีดำหรือแดง ไปจนถึงการเป็นรอยแผลที่มีลักษณะยุบตัวแบบที่เรียกกันว่า ‘รอยหลุมสิว’ จะหลุมตื้นหรือลึก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวรุนแรงแค่ไหนนั้นเองค่ะ ซึ่งหากเป็นเพียงรอยจุดดำหรือแดง ทายาแต้มรอยไม่กี่วันอาจช่วยให้หายได้ แต่การเป็น รอยสิว แบบแผลยุบตัว แบบหลุมสิว การแต้มยาอาจไม่ได้ทำให้รอยนั้นหายไปได้ค่ะ
![รอยสิว acne scar]()
รอยสิว หลุมสิว เกิดจากอะไร
หลุมสิว เกิดจากการที่เราปล่อยให้สิว กลายเป็นสิวอักเสบค่ะ จะสิวเม็ดเล็กหรือใหญ่ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป บริเวณที่เกิดสิวจะยิ่งอักเสบ และเมื่อสิวเกิดการอักเสบ ก็จะเกิดเป็นหนอง ลุกลามกินลึกลงไปถึงเนื้อในจนกลายเป็นโพรง และยิ่งมีการไปแกะเกา บีบเค้น แบบผิดวิธีร่วมด้วยแล้ว จากสิวอุดตันธรรมดา ๆ อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้ แถมอาการอักเสบของสิวก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้อีก พอสิวหายไป บริเวณใต้ผิวที่กลายเป็นโพรง ไม่สามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนได้ทัน จึงทิ้งรอยยุบตัวบนผิวไว้ กลายเป็น ‘รอยสิว หลุมสิว’ แบบที่เห็นกันนั่นเองค่ะ
รอยสิว หลุมสิว มีผลกระทบอะไรกับชีวิตบ้าง
ที่เห็นกันชัด ๆ เลยนะคะ คือผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียน เป็นหลุมเป็นบ่อ ต่อให้กลบร่องรอยด้วยรองพื้น หรือคอนซีลเลอร์ แล้วตามด้วยการทาแป้งทับไปอีกชั้นก็อาจไม่ได้ช่วยมากนัก หรือที่แย่ไปกว่านั้น การที่ใช้เครื่องสำอางปกปิดทับถมลงไป จะยิ่งเกิดการอุดตันที่หลุมสิวเดิมอีกครั้ง กลายเป็นสิวขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในที่เดิมก็ได้นะคะ
การรักษา รอยสิว หลุมสิว
หากไม่อยากให้เกิด รอยสิว หลุมสิว วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้สิวเกิดการอักเสบค่ะ มีทั้งการฉีดสิวให้ยุบ หรือแต้มยารักษา แต่ถ้าเริ่มรักษาสิวช้าเกินไปแล้ว และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดร่องรอยทิ้งไว้ไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะในปัจจุบันมีการรักษารอยสิว หลุมสิว รอยแผลเป็นต่าง ๆ อยู่หลายวิธีเลยค่ะ แบ่งเป็น 3 วิธีใหญ่ ๆ คือ
-
- การทายารักษา วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสิวหรือหลุมสิวตื้น ๆ การแต้มยาจะช่วยให้รอยจางลงหรือหายดีได้ แต่ถ้าผู้ที่มีรอยหลุมสิวลึกลงไป การทายาอาจจะช่วยได้แค่ให้หลุมตื้นขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีหลุมสิวลึกควรใช้วิธีรักษาอื่นควบคู่กันไปกับการทายาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
- การรับประทานยา วิธีนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ไม่ควรซื้อยารักษาสิวมาทานเอง เพราะถ้าทานต่อเนื่องไปบ่อย ๆ เข้า โดยไม่อยู่ในการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญล่ะก็ ผลที่ตามมาคือ ตับและไตทำงานหนัก ส่งผลถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ขึ้นมาคงไม่คุ้มค่ะ
- การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวตื้นไปจนถึงหลุมสิวลึกมาก ๆ เลยค่ะ เครื่องมือที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็คือ เลเซอร์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายพลังงานและแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิค โดยรวมของการทำเลเซอร์นั้นจะเน้นไปที่การกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาซ่อมแซม ฟื้นฟูบริเวณผิวที่เป็นหลุม ให้กลับมาตื้นขึ้นอีกครั้ง
เมื่อก่อนจะมีอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเหมือนกันนะคะ นั่นก็คือการรักษาแบบ Skin Needing เป็นรักษาโดยการใช้เข็มเล็ก ๆ จิ้มผ่านลงไปบนผิวหนัง เพื่อให้ผิวเกิดการสร้างตัวและฟื้นฟูได้เร็วมากขึ้น เครื่องมือที่นิยมคือ เดอร์มาโรลเลอร์ (Dermal Roller) ค่ะ มีลักษณะเป็นลูกกลิ้งเข็ม โดยจะกลิ้งลงไปบนผิวเพื่อรักษา
วิธีการรักษาในข้างต้นที่กล่าวถึง สามารถช่วยให้รอยสิว หลุมสิว ดูตื้นขึ้นและจางลงได้ก็จริง แต่ไม่ได้ฟื้นฟูให้ผิวเรียบเนียนแบบเต็ม 100% เหมือนเดิม ที่เหลือจะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคุณด้วย
แต่เทคนิคทางการแพทย์เสริมความงามไม่เคยใจร้ายกับคนที่อยากดูแลตัวเองนะคะ เพราะมีนวัตกรรมที่สามารถช่วยให้รอยหลุมสิวตื้น ๆ ที่ยังหลงเหลือนั้น เติมเต็มขึ้นมาได้ แถมยังช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน อิ่มฟู ดูชุ่มชื้น แบบสุขภาพดี เป็นธรรมชาติอีกด้วยนะคะ ในบทความนี้เราเลยอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับ HA Skin Booster (Volite) ค่ะ
![HA Skin Booster]()
HA Skin Booster (Volite) คืออะไร
HA Skin Booster นั้น เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งที่รู้จักกันในท้องตลาดคือ Juvéderm Volite HA Skin Booster ถูกคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษ โดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับผลิตภัณฑ์ Botox นั่นเองค่ะ ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cross Linked-HA ชนิดใหม่ล่าสุด ที่ถูกเรียกว่า VYCROSS Technology ซึ่งประกอบด้วยห่วงโซ่ไฮยาลูโรนิกชนิดสั้นและชนิดยาวเชื่อมโยงข้ามกัน มีลักษณะเจลใสเนื้อนิ่ม เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังจะกระจายตัวแทรกเข้าผิวได้เร็ว และสามารถคงตัวอยู่ใต้ชั้นผิวได้นาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ เหมือนตัวอื่นที่เคยมีมา จนได้การรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยา) ของทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและไทย ในเรื่องของการแสดงผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 9 เดือน และสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
![Juvéderm Volite HA Skin Booster]()
กลบรอยสิวด้วย HA Skin Booster ได้อย่างไร
การทำงานของ HA Skin Booster คือจะเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน อิลาสตินใต้ผิวพร้อมทั้งเพิ่มท่อส่งน้ำใต้ผิวทำให้ผิวดูฉ่ำวาว ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี สามารถฉีดได้ในบริเวณที่มีปัญหาแห้งกร้าน ขาดน้ำ บริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น ใบหน้า ลำคอ เนินอก รวมถึงหลังมือ และสามารถฉีดเพื่อรักษาแผลเป็นของหลุมสิวได้
ซึ่งการฉีด HA Skin Booster เป็นแค่การใช้ปลายเข็มเล็ก ๆ สะกิดไปที่ผิวหนัง เพื่อส่งตัว Skin Booster เข้าไปใต้ผิวอย่างตรงจุด และในตัวผลิตภัณฑ์ยังมีส่วนผสมของยาชา Lidocaine อยู่ด้วย จึงทำให้คนไข้รู้สึกสบายขึ้นในระหว่างที่ทำการฉีด
หลังจากฉีดทันทีจะเป็นว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้น รอยสิวและหลุดสิวดูจางลง ไม่ต้องพักฟื้นและใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังจากฉีดไป 1 อาทิตย์จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของคุณภาพผิว ผิวจะมีความชุ่มชื้น นิ่ม ฟู และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 3-4 สัปดาห์ ผิวจะดูเต็ม เรียบเนียน รูขุมขน รอยสิว และหลุมสิวดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ตามด้วยผิวที่ดูเต่งตึง กระจ่างใส แลดูสุขภาพดี
HA Skin Booster ถือเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยกลบรอยแผลเป็นจากสิวให้คุณได้แบบง่าย ๆ เรียกว่าฉีดครั้งเดียวคุ้มค่ากับการที่รอยหลุมสิวหายไป แถมด้วยผิวหน้าเด้ง นุ่มฟู ชุ่มฉ่ำ ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติอีกด้วยนะคะ
ถ้าใครมีปัญหาหลุมสิวกวนใจ แล้วอยากลองใช้วิธีการฉีด HA Skin Booster สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรืออยากจะจองคิวเพื่อเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
The post รอยสิว กลบด้วย HA Skin Booster appeared first on Apex Profound Beauty.