Quantcast
Channel: Apex Profound Beauty
Viewing all 2628 articles
Browse latest View live

เซลล์รากผม คืออะไร ? สำคัญแค่ไหนกันนะ

$
0
0

เซลล์รากผม

เซลล์รากผม คืออะไร ?

ก่อนจะเป็นเส้นผม หนึ่งในส่วนสำคัญของเส้นผมคือ “รากผม” นั่นเอง ซึ่งรากผมจะฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของศีรษะ มีปุ่มปลายแหลมที่ต่อมรากผม และแบ่งเซลล์ให้เติบโต โดยใน 1 รากผมจะมีต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม เมื่อ เซลล์รากผม แข็งแรง เส้นผมก็จะแข็งแรงไม่หลุดร่วง แต่ในทางตรงกันข้ามกันหากเซลล์รากผมอ่อนแอก็จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วง

เซลล์รากผม สำคัญอย่างไร

อย่างที่บอกว่า เซลล์รากผมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นผม ถ้าในวันหนึ่งเซลล์รากผมอ่อนแอเส้นผมที่เคยมีความดกดำอยู่บนหนังศีรษะก็จะทยอยหลุดร่วงในที่สุด เพราะฉะนั้นความสำคัญของเซลล์รากผมคือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะรักษาเส้นผมและเพิ่มจำนวนเส้นผม

อะไรที่ช่วยบำรุงเซลล์รากผมได้บ้าง ?

การที่จะทำให้เซลล์รากผมแข็งแรงได้นั้น คือต้องไม่ทำร้ายเซลล์รากผมก่อน แต่ก็จะมีบางปัจจัยที่ทำให้เซลล์รากผมอ่อนแอ หรือเราอาจควบคุมจากภายในได้ไม่ดีนัก นั่นคือฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) มีต้นกำเนิดมาจาก Testosterone

Testosterone คือ ฮอร์โมนเพศชายที่ร่างกายผลิตขึ้น กระตุ้นการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์ (Reproductive system) และแสดงออกความเป็นชายเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนจะถูกผลิตขึ้นที่ต่อมหมวกไต (Adrenal gland), ลูกอัณฑะ (Testis) เเละรังไข่ (Ovary) ซึ่งพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง เเต่ในเพศชายจะพบมากกว่า

เมื่อ DHT เกิดขึ้น จะเข้าไปจับกับตัวรับฮอร์โมนเพศชาย (Androgen receptor) ที่อยู่ในเซลล์รากผม (Hair follicle) ตรงบริเวณขมับและกลางกระหม่อม โดยมีปริมาณมากกกว่าบริเวณท้ายทอยถึง 1.5 เท่า ทำให้เซลล์รากผม (Hair follicle) มีขนนาดเเคบลง เกิดไขมันอุดตัน จนผมร่วงในที่สุด เราจะสังเกตได้ว่า เส้นผมที่ DHT ไม่ได้ไปทำปฏิกิริยาให้ร่วงเลยคือหลังใบหูและท้ายทอยซึ่งมีปริมาณน้อยมากๆ

หาก DHT มีปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้ช่วยรักษาและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณและหนังศีรษะไม่แห้งกร้าน หรือเกิดรังแค หากมีปริมาณมากเกินไป ไขมันที่ถูกผลิตขึ้นนั้นไปอุดตันรูขุมขนของร่างกายทำให้เกิดสิว และยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมหลุดร่วง ผมบางได้

วิธีการยับยั้ง DHT ไม่ให้กลายเป็นสาเหตุของผมร่วง

เริ่มจากวิธีที่สามารถช่วยไม่ให้เส้นผมหลุดร่วงเริ่มจากขั้นตอนแรกคือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยยับยั้งฮอร์โมน DHT REVITALIZER SHAMPOO แชมพูที่ช่วยยับยั้งฮอร์โมน DHT หากใช้ร่วมกับ Serum จะเห็นผลดีขึ้น

วิธียับยั้งฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วงวิธีที่ 2 คือ การใช้สเต็มเซลล์สกัดจากเกล็ดเลือดเข้มข้นหรือเรียก PRP Stem Cell จะเป็นวิธีที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น เส้นผมจะดูเส้นใหญ่ หนาขึ้น หนังศีรษะเกิดความสมดุลจึงช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ เหมาะกับผู้มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น

วิธีที่ 3 คือการใช้สเต็มเซลล์สกัดจากรากผมที่เรียกว่า Hair Stem Micro Transplant เป็นการใช้เซลล์รากผมที่แข็งแรงที่สุดตรงบริเวณท้ายทอยหรือหลังใบหูประมาณ 5-10 รากเท่านั้นแล้วไปสกัดสเต็มเซลล์จากนั้นฉีดบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง แค่นี้ก็ยับยั้งผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมนและพันธุกรรมได้แล้ว

 

ปรึกษาและนัดหมายปลูกผมได้ที่ 080-5000-123
LINE@ http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

The post เซลล์รากผม คืออะไร ? สำคัญแค่ไหนกันนะ appeared first on Apex Profound Beauty.


ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ตาลึก ลบรอยหมองคล้ำ ลดหน้าเหนื่อยล้า

$
0
0

ฟิลเลอร์ใต้ตา กลบตาลึก ลบรอยหมองคล้ำ

ปัญหาผิวพรรณบนใบหน้าเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดที่สุด และบริเวณที่หลายคนมักจะกังวลมากเป็นพิเศษคือ ใต้ตา ทั้งปัญหาความหมองคล้ำ ความลึก ความโบ๋ ทำให้ดูเหมือนคนนอนไม่พอ ดูเหนื่อยล้า หน้าตาไม่สดใส จนส่งผลให้ดูแก่กว่าวัยได้ ซึ่งปัญหาใต้ตาสามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัยค่ะ มีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนอายุน้อย และกลุ่มคนที่มีอายุ

    • กลุ่มคนอายุน้อย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถเกิดปัญหาใต้ตาลึกโบ๋ หมองคล้ำ ได้ค่ะ ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ของคนในกลุ่มวัยนี้จะเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หากมองย้อนกลับไปถึงครอบครัวจะพบว่ามีคนที่ใต้ตาหมองคล้ำเหมือนกัน ถ้ายกตัวอย่างชัด ๆ เช่น คนอินเดียที่จะมีใต้ตาค่อนข้างคล้ำและเป็นเบ้าลึก
    • กลุ่มคนที่มีอายุ อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ปัญหาใต้ตาที่เกิดในคนกลุ่มวัยนี้จะเป็นไปตามอายุที่มากขึ้น ทั้งมวลกระดูกที่เริ่มลดลง เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อและไขมันมีที่ยึดเกาะที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ปริมาตรไขมันใต้ผิวหนังก็ค่อย ๆ ลดลงตามอายุ และเมื่อมวลกระดูกกับปริมาตรไขมันหายไป ลักษณะที่เกิดตามมาอย่างเห็นได้ชัดเจนคือ ใต้ตาหมองคล้ำ ตาโบ๋ ตาลึกเว้าลงเป็นร่อง ประกอบกับผิวหน้าบริเวณโหนกแก้มดูเป็นก้อนขึ้นมา ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม ดูเหนื่อยล้า มีรูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

นอกจากสาเหตุของพันธุกรรมและอายุที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ปัญหาใต้ตายังสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน, อาการเจ็บป่วย, ความเครียด, ภาวะขาดน้ำ, แสงแดด เป็นต้น

ปัญหาใต้ตาแก้ไขได้ยังไบ้าง

หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วถึงวิธีการแก้ปัญหาความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา อย่างเช่น การใช้ Eye Cream ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี โคจิก อาร์บูติน, การฉีดลดเม็ดสีใต้ตา และการยิงเลเซอร์ลดเม็ดสี เป็นต้น แต่ทว่าวิธีที่กล่าวถึงไปนั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาได้เฉพาะเรื่องของสีผิวคล้ำหมอง ไม่มีตัวไหนเลยที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องความลึก ความโบ๋บริเวณใต้ตาได้

แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของนวัตกรรมต่าง ๆ ทางการแพทย์ความงาม รวมถึงเทคนิค ทำให้เกิดวิธีการหนึ่งขึ้นที่สามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้ นั่นก็คือ ฟิลเลอร์ (Filler) ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งความหมองคล้ำและความลึก ความโบ๋ ได้ในการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ 10 ความเชื่อ 02

ฟิลเลอร์คืออะไร? เอามาฉีดใต้ตาแล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่

ฟิลเลอร์ (Filler) คือการฉีดสารเติมเต็ม ที่เรียกว่า เอชเอ (HA) หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเข้าไปทดแทนและเติมเต็มใต้ผิวหนังในส่วนที่บกพร่องหรือต้องการแก้ไข ซึ่งฟิลเลอร์มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เพื่อช่วยแก้ปัญหาในจุดที่ต่างกันไปบนใบหน้า

สำหรับการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา นั้น แพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจลนิ่ม ๆ เพราะผิวหนังบริเวณใต้ตามีความบางมาก ๆ เพื่อให้การฉีดเข้าไปไม่ดูแน่นฟูหรือเกิดเป็นก้อน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเน้นให้เกิดความกระจ่างใสและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งการฉีดในแต่ละครั้งจะต้องอาศัยเทคนิค ทักษะ และความเชี่ยวชาญของแพทย์เข้าช่วยด้วยค่ะ

ในตลาดความงามของไทยมีฟิลเลอร์อยู่หลายยี่ห้อค่ะ ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ของไทยและต่างประเทศแล้ว เช่น Juvéderm, Belotero, Restylane เป็นต้น ดังนั้นจึงมั่นใจได้ถึงมาตรฐานที่เป็นสากล มีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็น ไฮยาลูโรนิค แอซิด จะค่อย ๆ สลายตัวไปตามธรรมชาติไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้น การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์แต่อย่างใด

Filler Under Eyes ฟิลเลอร์ใต้ตา

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

    • ใช้เวลาในการรักษาน้อย
    • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ทำเสร็จสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เลย
    • เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่มีลักษณะคงตัว เมื่อฉีดแล้วจะเข้าไปแทนที่ส่วนบกพร่องได้ทันที
    • ช่วยลดความหมองคล้ำ และเติมเต็มร่องลึกได้พร้อมกัน
    • ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 ครั้ง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี

คำถามที่มักมาพร้อมกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

Q: ทำไม? บางคนฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา จากคนที่ไม่มีถุงใต้ตา กลับมีถุงใต้ตาขึ้นมาแทน แถมยังไม่ช่วยแก้ปัญหา และดูไม่เป็นธรรมชาติ

A: บริเวณใต้ตาถือเป็นส่วนที่ฉีดยากที่สุดบนใบหน้า เพราะผิวหนังที่ใต้ตาจะมีความบางมาก ๆ ดังนั้นการฉีดในแต่ละครั้งจะต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถคำนวณปริมาณที่พอเหมาะของฟิลเลอร์สำหรับการฉีดแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการ Over-correct (เกินพอดี) ได้ รวมถึงมีความแม่นยำสูงในการฉีดเข้าไปในตำแหน่งของชั้นผิวที่ถูกต้อง

Q: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีราคาค่อนข้างแพง มีอะไรที่ถูกกว่า ดีกว่า แล้วใช้ทดแทนฟิลเลอร์ได้ไหม?

A: อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า ฟิลเลอร์ ถือเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาใต้ตาได้ครอบคลุมที่สุดแล้ว เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ได้ทั้งปัญหาความลึกและสีหมองคล้ำในการฉีดเพียงครั้งเดียว

ส่วนในเรื่องของราคาที่บอกว่าแพงนั้น อยากให้คุณลองคำนวณเล่น ๆ ดูค่ะ ว่า Eye Cream ที่ต้องเสียเงินซื้อทุก ๆ เดือน บวกรวมเข้ากับเครื่องสำอาง ที่ต้องใช้แต้มปกปิดความหมองคล้ำ หรือบางคนอาจจะมีค่าของการยิงเลเซอร์กับฉีดลดเม็ดสีเข้าไปอีก พอรวม ๆ แล้วราคาน่าจะสูงกว่าการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพียงครั้งเดียวอีกด้วย ที่สำคัญคือ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครั้งเดียว ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี หากคิดตามมาถึงตรงนี้แล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะคะ

ฟิลเลอร์ใต้ตา-หน้าตรง-ก่อนฉีดใต้ตา-หน้าตรง-หลังฉีดใต้ตา-โฟกัส-ก่อนฉีดใต้ตา-โฟกัส-หลังฉีดใต้ตา-หันข้าง-ก่อนฉีดใต้ตา-หันข้าง-หลังฉีด

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยากฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือทำหัตถการอื่น ๆ อยู่ อย่าลืมหาข้อมูลเยอะ ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด ควรเลือกคลินิคที่น่าเชื่อถือได้มาตรฐานในระดับสากล มีการใช้ผลิตภัณฑ์ เครื่องมือต่าง ๆ ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย และมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์คอยดูแลตลอดการรักษา

และหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือทำหัตถการอื่นเสร็จแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองเพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำนั้นแสดงประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อย่างเต็มที่

หากยังไม่แน่ใจว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกับตัวเองหรือเปล่า สามารถจองคิวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเอเพ็กซ์ได้นะคะ หรือจะลองส่งรูปใบหน้าของคุณเข้ามาเพื่อการวิเคราะห์เบื้องต้นผ่านทางข้อความที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) ก่อนได้ค่ะ

The post ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ตาลึก ลบรอยหมองคล้ำ ลดหน้าเหนื่อยล้า appeared first on Apex Profound Beauty.

ไม่มี เซ็กส์ นาน ๆ น้องสาวจะแห้งฝืด หลวม หรือเปล่านะ ?

$
0
0

เซ็กส์
เซ็กส์ เป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหว แถมยังมีหลายคนที่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าอายและไม่ควรพูดถึง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เซ็กส์ก็คือเรื่องธรรมชาติ และเป็นเรื่องที่สามารถพูดคุยกันได้ แต่ถึงอย่างนั้นเองก็ยังมีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยที่มีความกังวลใจเรื่อง เซ็กส์ และไม่รู้ว่าจะไปถามใครเพราะรู้สึกอาย หนึ่งในนั้นก็คือคำถามที่ว่า ถ้าหากไม่มีเซ็กส์นาน ๆ น้องสาวจะแห้ง ฝืด และหลวมหรือเปล่า แล้วจะต้องทำยังไงให้จุดซ่อนเร้นของผู้หญิงยังฟิตและอ่อนเยาว์อยู่เสมอได้บ้าง คุณผู้หญิงคนไหนกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ล่ะก็เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าคุณสาว ๆ จะห่างหายจากการมีเพศสัมพันธ์นาน ๆ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้งฝืด หรือหลวมแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจัยที่จะทำให้จุดซ่อนเร้นเกิดอาการแห้งฝืด หรือช่องคลอดหลวมได้นั้นมาจากความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง ทั้งนี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร ซึ่งเมื่อระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลงก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดขาดความยืดหยุ่น อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้ แต่อาการเหล่านี้จะหมดไปหากระดับฮอร์โมนเพศหญิงกลับมาอยู่ในระดับที่สมดุล หรือมีการดูแลเอาใจใส่จุดซ่อนเร้นอย่างดีและสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ในการดูแลจุดซ่อนเร้นไม่ให้แห้ง และขาดความยืดหยุ่นก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบ Kegel กระชับช่องคลอด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ขาดความกระชับ หรือถ้าหากคุณผู้หญิงอยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล ซึ่งอาจใช้การรับประทานฮอร์โมนทดแทน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์จะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัย

แต่ถ้าคุณผู้หญิงอยากได้ทางเลือกในการเสริมสร้างความกระชับ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับจุดซ่อนเร้นก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย นั่นก็คือ เทคโนโลยี Vaginal Lift ค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีเพื่อจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ด้วยการใช้คลื่นพลังงานเข้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวรอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดกระชับ และแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการสร้างสารหล่อลื่นเพิ่มขึ้น บอกลาปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น หรือแห้งแสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ทั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกต่อไป

ไม่เพียงเท่านั้น Vaginal Lift ยังเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์จุดซ่อนเร้นภายนอกให้กลับมาดูกระจ่างใส อ่อนเยาว์ เหมือนกลับไปเป็นสาวได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าทำครั้งแรกเดียวได้ประโยชน์ 3 ต่อ เลยทีเดียว

และที่ APEX เราเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อทุกปัญหาของผู้หญิง เพื่อให้คุณสาว ๆ กลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง ไม่ต้องกังวลว่าห่างจากกิจกรรมรักนาน ๆ แล้วจะไม่กระชับ ไม่ฟิต หรือไม่แซ่บเหมือนเก่า เพราะ Vaginal Lift สามารถช่วยคุณได้ ให้ APEX และเทคโนโลยี Vaginal Lift ดูแลคุณสิคะ

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post ไม่มี เซ็กส์ นาน ๆ น้องสาวจะแห้งฝืด หลวม หรือเปล่านะ ? appeared first on Apex Profound Beauty.

ดูแลตัวเอง By Myself หลัง ดึงหน้า ต้องทำอย่างไร

$
0
0

ดึงหน้า
เมื่ออายุเข้าเลข 3 แล้วด้วยนั้น วลีที่ว่า “ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งหน้าเด็ก” เรียกว่าเป็นความใฝ่ฝันที่หลายคนนั้นต้องการจนต้องเสาะหาวิธีหรือตัวช่วยมากมายเพื่อหยุดอายุบนใบหน้าให้ยิ่งอ่อนเยาว์และย้อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยปัญหาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนมีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตาและหน้าผาก หรือในบางคนเกิดปัญหาแก้มหรือคอหย่อนคล้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดเหนียงคอเหมือนไก่งวง ทำให้การดึงหน้าและคอเป็นทางเลือกติดท็อปด้านความนิยมในปัจจุบัน เพราะไม่ได้ดูน่ากลัวหรือดูอันตรายเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังมีเทคนิคการดึงหน้าที่มาจากเกาหลีหรือการยกกระชับแก้มและลำคอขึ้นด้วยวิธีใหม่ ๆ ที่ไม่ได้ใช้แค่ไหมเพื่อให้เกิดกรอบหน้าชัด  ซึ่งหลาย ๆ คนที่กำลังสนใจในเรื่องของการดึงหน้า แต่ไม่รู้ว่าแล้วแบบไหนคือการส่องกล้องปักหมุด หรือแบบไหนคือเทคนิคยกกระชับดึงหน้าและคอ วันนี้เราได้รวบรวมเนื้อหาเรื่องของการ ดึงหน้า ทั้งหมดมาฝากกันค่ะ

เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด

เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดเป็นเทคนิคใหม่เทียบเท่าการดึงหน้าจากเกาหลีในการยกคิ้วและหน้าผากโดยใช้เทคนิคการส่องกล้องร่วมกับหมุดทางการแพทย์ชนิดพิเศษเพื่อยึดดึงบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดนี้จะยกระดับคิ้วและหน้าผากได้มากกว่า 5 มิลลิเมตร ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติในแบบที่เป็นคุณเอง โดยไม่รู้สึกว่าหลอกสายตา หรือทำให้ให้ใบหน้าดูแลเกินจริง และยังคงอยู่ได้ถึง 5-7 ปี การใช้เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดนี้นอกจากจะช่วยยกคิ้วและหน้าผากแล้ว เทคนิคนี้ยังช่วยให้เรื่องของการแก้หนังตาตกได้อย่างตรงจุด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นน้อยกว่าการผ่าตัดดึงหน้าในแบบเดิม ๆ ไม่ทิ้งสารหรือสิ่งตกค้างในร่างกาย เพราะหมุดทางการแพทย์ชนิดพิเศษนี้จะสามารถย่อยสลายได้เอง เมื่อระยะเวลาผ่านไปหลังจากที่เนื้อเยื่อที่เกาะชั้นกล้ามเนื้อนั้นยึดตัวดีแล้ว หลีกเลี่ยงปัญหาการหดรั้งของเนื้อเยื่อหลังจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
Endotine

เทคนิคยกกระชับหน้าและลำคอ (Face and Neck Lift)

ปัจจุบันนอกจากรอยย่นบริเวณใบหน้าช่วงบนแล้วนั้น จุดที่เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่เจอและทำให้เกิดความกังวลใจอีกจุดนั่นคือบริเวณแก้มไล่ลงไปจนถึงลำคอ มักพบในคนที่มีอาการอ้วนหรือผอมอย่างรวดเร็ว หรือในบางคนที่อายุเริ่มเข้าเลข 4 นั้นก็เริ่มพบปัญหาแก้มหย่อยคล้อยลงมาอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ดูแก่เกินกว่าวัยได้ เทคนิคยกกระชับหน้าและลำคอจะช่วยยกกระชับและเก็บผิวหนังส่วนเกินบริเวณใบหน้าขึ้นเพื่อสร้างกรอบหน้าให้ชัด ช่วยให้ใบหน้าและลำคอมีมิติมากขึ้น
ดึงหน้าและคอ

การดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด

  • ประคบเย็นบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมงหลังจากออกจากห้องผ่าตัด โดยประคบให้มากที่สุดในช่วง 3 วันแรก ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นประคบในตอนกลางคืนประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อลดอาการบวมช้ำบริเวณใบหน้า
  • รัดใบหน้าหลังจากทำศัลยกรรมอย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อยกกระชับใบหน้าจากภายนอกอีกทาง หลังจากนั้นใช้ผ้ารัดเฉพาะบริเวณกลางคืนต่อเป็นเวลา 1 เดือน
  • ทานอาหารอ่อน ๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงการกระเทือนที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • อาจใส่แว่นหรือหมวกเมื่อออกจากบ้านเพื่อซ่อนรอยแผลจากการดึงหน้า ไม่ต้องกังวลเพราะหลังจากทำศัลยกรรมก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ


ใครที่กำลังเลใจเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม กังวลเกี่ยวกับปัญหาในการทำ หรือกำลังสนใจในเรื่องของข้อดีและการดูแลตัวเองหลังจากการส่องกล้องปักหมุดก็ไม่ต้องนั่งกุมขมับกันอีกต่อไป เพราะที่ APEX เรามีเทคโนโลยีดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำ และช่วยเปลี่ยนแปลงตัวคุณให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เนื่องจากเรามีห้องผ่าตัดมาตรฐานระดับสากล และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้รับมาตรฐานระดับสากล จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวังที่คุณต้องการแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิค ดึงหน้า ส่องกล้องปักหมุด

โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurger

 

The post ดูแลตัวเอง By Myself หลัง ดึงหน้า ต้องทำอย่างไร appeared first on Apex Profound Beauty.

ศัลยกรรม เกาหลีหรือที่ไทย คำตอบที่ “กำปั้น บาซู”เลือก

$
0
0


หลายคนนั้นมีความต้องการในชีวิตมากมาย หนึ่งในความต้องการที่หลายคนเลือกนั้นก็คือการทำ ศัลยกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเข้าตากว่าเดิม หลายคนนั้นเลือกที่จะเชื่อตามคำบอกกล่าวของรีวิว คำบอกเล่าจากเพื่อนหรือคนรู้จักว่า หากจะทำศัลยกรรมแล้วนั้น บินไปทำที่เกาหลีเลยดีกว่า เพราะคิดว่าหากไปที่เกาหลีแล้วนั้น การทำศัลยกรรมที่ต้องการจะต้องสวยถูกใจแน่นอน แต่สำหรับคุณ “กำปั้น กวินพนธ์หรือคุณ กำปั้น บาซู” ที่เลือกทำศัลยกรรมที่ Apex นั้นจะมีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ

คุณกำปั้นเลือกทำศัลยกรรมแบบไหนกับทาง Apex คะ

“ผมเลือกการส่องกล้องปักหมุดครับ ซึ่งเป็นการยกหน้าผากส่วนบนขึ้น หรือที่เรียกกันว่าการส่องปักหมุด เพราะจะทำให้ใบหน้านั้นดูสดใสขึ้น ตอนนี้ผ่านมาได้ 4 เดือนกับอีก 2 วันแล้วครับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือพอใจมากๆเลยครับ แต่ว่า ก่อนจะมาถึง 4 เดือนแบบนี้ได้ก็ต้องมีความอดทนในระดับหนึ่งเลยครับ”

ปัจจุบันหลายคนเลือกที่จะไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี คุณกำปั้นคิดอย่างไรกับการเลือกทำศัลยกรรมที่เกาหลีกับที่ไทยคะ

“ผมติดตามแหล่งข่าวจากที่มีหลายคนเลือกไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมาบ้างแล้วครับ เลยนำเอามาเปรียบเทียบกันครับ ผมว่า ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกันเลยครับ เพียงแต่การเลือกทำที่ไทยนั้นเราได้รับความสะดวกสบายกว่าในด้านการรักษานะ เพราะหากเรามีคำถามที่ไม่เข้าใจหรือเกิดข้อสงสัยขึ้นมา เราสามารถเข้ามาเพื่อสอบถามได้ทันที หรือหากสื่อสารกันไม่เข้าใจอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ด้วย อีกทั้งเทคโนโลยีด้านการทำศัลยกรรมในประเทศไทยนั้นเรียกได้ว่ากำลังก้าวหน้าเทียบเท่ากับที่เกาหลีเลยครับ”

ศัลยกรรม

คุณกำปั้นประทับใจไหมคะ

“ผมประทับใจมากเลยครับ ตอนแรกก็เกิดอาการกล้า ๆ กลัว ๆอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้ หลายคนทักว่าดูเด็กขึ้นมากเลยครับ รอยตีนกาบริเวณหางตาก็ดูตื้นขึ้น ดูเป็นธรรมชาติมาก หน้าผากเนียนขึ้น ไม่ย่น ในด้านการทำงานส่งผลดีมากเพราะผมรู้สึกกล้าที่จะแสดงสีหน้าได้ทุกแบบเลยครับ คนใกล้ตัวเริ่มถามว่าทำที่ไหน ดูดีมากๆเลยครับ ผมชอบมาก ๆ คุณหมอสมบูรณ์ ไหวพริบนั้นก็ให้คำปรึกษาได้ดีมากเลยล่ะครับ”

ศัลยกรรมดึงหน้า

มีคนเปิดใจกับการทำศัลกรรมมากกว่าเดิมแล้ว คุณกำปั้นอยากฝากอะไรไหมคะ

“ปัจจุบันเราสามารถดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นได้ได้แม้จะอายุ 30 หรือ 40 ปีเลยครับ หากเกิดความกังวลใจอยู่ว่าใบหน้าจะแปลกหรือไม่ ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อนก็ได้ครับ แล้วเอาคำแนะนำไปพิจารณาก่อนว่าควรทำศัลยกรรมดีไหม อาจช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นเลยครับ และถ้าถามผม ผมประทับใจที่ Apex มากๆครับ ทั้งการให้คำปรึกษา การดูแลทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดเลยครับ”

ถ้าใครที่สนใจการส่องกล้องปักหมุดเหมือนคุณกำปั้น กวินพนธ์ หรือมีปัญหาบนใบหน้าและกำลังกลุ้มใจอยู่นั้น สามารถติดต่อมาที่ Apex ได้ทันที เพราะที่ APEX เรามีเทคโนโลยีส่องกล้องปักหมุด และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำ และช่วยเปลี่ยนแปลงตัวคุณให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะที่ APEX เรามีห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ที่ทันสมัย และได้รับมาตรฐานระดับสากล JCI จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวังที่คุณต้องการแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ ศัลยกรรม เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด

โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurger

 

The post ศัลยกรรม เกาหลีหรือที่ไทย คำตอบที่ “กำปั้น บาซู” เลือก appeared first on Apex Profound Beauty.

บอกลา ‘แผ่นอนามัย ‘ด้วยเทคโนโลยี Vaginal Lift

$
0
0

แผ่นอนามัย
ต้องยอมรับว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ต้องพึ่งพา ‘แผ่นอนามัย’ ในทุก ๆ วัน ด้วยเพราะปัญหาที่เกี่ยวกับการปัสสาวะที่ทำให้ผู้หญิงขาดความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะเล็ด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถขาด แผ่นอนามัย ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้สาว ๆ หลายตนไม่กล้าใช้ชีวิตให้เต็มที่เท่าควร เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องน่าอายขึ้น

ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้หญิงนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การคลอดบุตร ความร่วงโรยของวัย การเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนที่ทำให้ระดับฮอร์โมนเกิดความแปรปรวน หรือเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผิด ๆ อย่างการกลั้นปัสสาวะนาน ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากปล่อยละเลยให้เรื้อรัง นานวันเข้าอาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อระบบสืบพันธุ์ หรืออวัยวะในอุ้งเชิงกรานได้ค่ะ

และถ้าคุณผู้หญิงคนไหนกำลังประสบปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่จนต้องพึ่งพาแผ่นอนามัยล่ะก็ ขอแนะนำเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพผู้หญิงโดยเฉพาะ ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ และเสริมความมั่นใจให้กับผู้หญิงได้ในคราวเดียว เทคโนโลยีที่ว่าก็คือ Vaginal Lift นั่นเอง

Vaginal Lift เคล็ดลับการดูแลสุขภาพผู้หญิง และแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดใหม่ล่าสุดแบบไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น ด้วยการใช้คลื่นพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และช่องคลอด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวกระชับขึ้นได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ลดลง และหายไปในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น Vaginal Lift ยังช่วยกระตุ้นให้ภายในช่องคลอดเกิดการสร้างสารหล่อลื่นมากขึ้น ลดปัญหาช่องคลอดแห้งได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือคลื่นพลังงานที่ใช้กับการทำ Vaginal Lift ยังสามารถนำมาใช้เพื่อปรับรูปลักษณ์ภายนอกของจุดซ่อนเร้นให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใสได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าสามารถคืนความฟิตกระชับ ชุ่มชื้น และความอ่อนเยาว์ให้กับจุดซ่อนเร้นได้ในคราวเดียว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเหมือนกับการทำรีแพร์แบบที่เดิม ๆ ที่ผ่านมา

และถ้าหากคุณสาว ๆ กำลังมองหาเทคโนโลยี Vaginal Lift เป็นคำตอบให้กับปัญหาสุขภาพผู้หญิงที่เจออยู่ล่ะก็ ขอแนะนำที่ APEX เพราะเราเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพผู้หญิงอย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ครบครันมากที่สุด และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด บอกลาแผ่นอนามัย หรือแผ่นซึบซับไปได้เลย แค่เพียงให้ APEX ดูแลคุณด้วยเทคโนโลยี Vaginal Lift บอกเลยค่ะว่าไม่มีทางผิดหวังอย่างแน่นอน

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post บอกลา ‘ แผ่นอนามัย ‘ ด้วยเทคโนโลยี Vaginal Lift appeared first on Apex Profound Beauty.

ผิว บอกอะไรคุณได้มากกว่าเรื่องอายุ

$
0
0

ผิว บอกอะไรคุณได้มากกว่าเรื่องอายุ HA Skin Booster

คุณว่า ‘ผิว’ สามารถบอกอะไรเราได้บ้างคะ? ถ้าเป็นเรื่องความสวยความงาม ผิวพรรณคือโจทย์ข้อแรกที่คุณควรให้ความสำคัญ เพราะผิวหนังเปรียบเสมือนเสื้อผ้าของร่างกายที่ใครก็มองเห็นได้ ยิ่งบนใบหน้ายิ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุด หลายคนจึงพยายามรักษาเสื้อผ้าชุดนี้เอาไว้ให้ดีและนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผิวพรรณที่ผ่านมา จะพบว่าคนระหว่างสองซีกโลก ตะวันตกและตะวันออก มองความหมายของการที่มีผิวสุขภาพดีต่างกัน คนฝั่งตะวันตกอย่างโซนยุโรปจะมองว่าการที่คนเรามีผิวดี หมายถึง การมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรง ส่วนคนฝั่งตะวันออกในโซนเอเชียจะมองการมีผิวดีไปถึงเรื่องอายุว่าหนุ่มสาวหรือแก่ชรา

แต่ผิวไม่ได้บอกเพียงแค่นั้นค่ะ ผิวสามารถบอกอะไรเราได้มากกว่าการที่มีร่างกายแข็งแรงหรือการมีอายุมากน้อย งั้นลองมาดูกันว่า ‘ผิว’ บอกอะไรกับเราได้อีกบ้าง

    1. ผิว บอกได้ว่าดูแลผิวตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะจากการทาครีมบำรุงผิว การใช้คลีนซิ่ง การทาครีมกันแดด การพอกผิว ขัดผิว การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาแดดจัด เป็นต้น
    2. ผิว บอกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ซึ่งจะวิเคราะห์จากหลายกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันประกอบกัน ทั้งการรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ การพักผ่อน การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด และรวมถึงการดูแลผิวด้วยในข้อ 1 ไว้ด้วย หากทำทุกกิจกรรมในแต่ละวันอย่างพอเหมาะพอดีก็จะส่งผลดีถึงผิวพรรณภายนอก
    3. ผิว บอกสภาวะแวดล้อมที่ต้องเจอ ในชีวิตประจำวันของคุณอาจจะต้องพบเจอกับมลภาวะต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เช่น ฝุ่นละออง ควันท่อไอเสียรถยนต์ แสงแดด อากาศแห้ง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำลายความสุขภาพดีของผิวทั้งสิ้น
    4. ผิว บอกถึงงานที่ทำ บางคนที่มีผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส อาจบ่งบอกได้ว่างานที่ทำต้องเจอแสงแดดเวลานานเป็นประจำ ซึ่งรังสียูวีในแสงแดดคือศัตรูตัวฉกาจของผิวค่ะ หรือบางคนที่ทำงานในออฟฟิศ ก็มักจะเจอปัญหาผิวแห้งแตกจนเป็นขุย ๆ ซึ่งเกิดจากการอยู่ในห้องแอร์ซึ่งอากาศแห้งเป็นประจำ แถมแสงจากหลอดไฟ แสงจอคอมพิวเตอร์ แสงจอสมาร์ทโฟน เครื่องถ่ายเอกสาร ก็มีแสงยูวีเหมือนกันนะคะ ถึงไม่เข้มข้นเท่าในแสงแดด แต่การเจอในทุก ๆ วัน ก่อให้เกิดการสะสมจนทำร้ายผิวได้เช่นกัน

จากข้างต้น จะเห็นว่าผิวสามารถบอกอะไรได้มากมายเลยใช่ไหมคะ และยังมีคนบางส่วนที่ยึดติดกับการตัดสินผู้อื่นว่ามีฐานะหรือหน้าที่การงานเป็นอย่างไร เพียงแค่เห็นลุคภายนอกอย่างเดียว โดย ‘ผิว’ มักเป็นข้อแรก ๆ ที่โดนนำมาใช้ในการตัดสินอยู่เสมอ นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมคุณถึงต้องดูแลผิวพรรณให้มีคุณภาพที่ดี ซึ่งจากข้อ 1-4 ด้านบนสามารถเป็นแนวทางให้คุณใช้ดูแลตัวเองเพื่อมีผิวคุณภาพดีได้ด้วยนะคะ และในทางกลับกันหากคุณละเลยในแนวทางเหล่านี้ การจะมีผิวสุขภาพดีคงยากอยู่สักหน่อย

แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับคนบางคนที่ต่อให้ดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่ผิวพรรณกลับไม่สุขภาพดีขึ้นตามที่ต้องการ หรือบางคนที่อยากดูแลตัวเองแต่ไม่มีเวลามากพอ จนกลายเป็นเหมือนคนที่ไม่ดูแลตัวเองไปโดยปริยาย

ดังนั้น ในวงการแพทย์เสริมความงามจึงต้องมีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม เทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ในทุก ๆ ความต้องการ และเรื่องผิวถือเป็นเรื่องใหญ่อันดับต้นของการดูแลตัวเองเลยทีเดียว แต่ก่อนจะไปรู้จักว่าอะไรที่สามารถช่วยกู้ผิวเสียให้สุขภาพดีขึ้นมาได้ เรามาลองรีเช็คกันดูสักหน่อยค่ะ ว่าผิวของคุณจะเรียกว่าผิวคุณภาพดีได้หรือไม่

คุณภาพผิวที่ดี ควรประกอบด้วย 3 สิ่งนี้
    1. Colour สีผิว – ในคนที่มีผิวสุขภาพดีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องขาว แต่ไม่ว่าคุณจะมีสีผิวโทนไหนก็ควรจะมีสีผิวที่สม่ำเสมอ ไม่มีรอยจุดด่างดำ
    2. Texture ลักษณะของผิว – สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและใช้มือสัมผัส คนที่มีผิวสุขภาพดีแข็งแรงจะมี Texture ของผิวที่เรียบเนียน ดูฉ่ำวาว ไม่แห้งกร้าน ไม่เป็นขุย ไม่มีร่องรอยจากสิว ผดผื่น แผลเป็น รวมถึงรอยเหี่ยวย่น
    3. Elasticity ความยืดหยุ่นของผิว – ดูได้จากการคืนตัวของผิว ผิวสุขภาพดีจะเด้งกลับคืนทันทีมีความชุ่มชื้น ฉ่ำน้ำ ซึ่งความยืดหยุ่นของผิวจะเกิดจากการที่ใต้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมา จึงทำให้ผิวดูกระชับเต่งตึง มีความแข็งแรง ไม่เป็นริ้วรอยง่าย

คุณมีครบทั้ง 3 ข้อกันหรือเปล่าคะ? หากคุณมีครบทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องดีมากทีเดียว แต่หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เรามีตัวช่วยเพื่อผิวสุขภาพดี ดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ฉ่ำวาว เติมคอลลาเจนใต้ผิว แถมช่วยให้ดูอ่อนวัยลงได้ด้วย มาแนะนำค่ะ ตัวช่วยกู้ผิวสวย ๆ ให้กลับมาอยู่กับเรา นั่นก็คือ ‘Juvéderm Volite หรือ HA Skin Booster’ ค่ะ

SkinBooster HA

Juvéderm Volite หรือ HA Skin Booster คืออะไร

Juvéderm Volite หรือ HA Skin Booster เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic) สำหรับเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ถูกคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับผลิตภัณฑ์ Botox นั่นเองค่ะ ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cross Linked-HA ชนิดใหม่ล่าสุด ที่ถูกเรียกว่า VYCROSS Technology ซึ่งประกอบด้วยห่วงโซ่ไฮยาลูโรนิกชนิดสั้นและชนิดยาวเชื่อมโยงข้ามกัน มีลักษณะเจลใสเนื้อนิ่ม เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังจะกระจายตัวแทรกเข้าผิวได้เร็ว และสามารถคงตัวอยู่ใต้ชั้นผิวได้นาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ เหมือน Skin Booster ยี่ห้ออื่น ๆ ที่เคยฉีดมา

Juvéderm Volite หรือ HA Skin Booster ได้การรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยา) ของทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและไทย ในเรื่องของการแสดงผลลัพธ์ที่เพิ่มท่อส่งน้ำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินใต้ผิว และอยู่ได้ยาวนานถึง 9 เดือน และสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย

Skin Booster ทั่วไป vs Juvéderm Volite HA Skin Booster

Skin Booster คือเทคโนโลยีความงามที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการเติมสารอาหารให้กับผิว จะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งมาส์กหน้า, ผงวิตามิน (ใช้ผสมคลีนซิ่ง), เซรั่ม (ใช้ทาโดยตรงหรือผสมครีมบำรุงหน้า), เอสเซนส์ออยล์ (ใช้ทาโดยตรงหรือผสมครีมบำรุงหน้า) รวมถึงการฉีดวิตามิน ที่ต้องเติมทุก ๆ อาทิตย์ หรือทุก ๆ เดือน และอาจจะต้องฉีดติดต่อกัน 3-6 เดือน เพื่อบูสให้ผิวสุขภาพดีขึ้น การใช้ Skin Booster แบบทั่วไปนี้ จะต้องอาศัยความสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อให้การบำรุงเห็นผลลัพธ์

ส่วน Juvéderm Volite HA Skin Booster อย่างที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ ว่าเป็น Cross Linked-HA ชนิดใหม่ล่าสุด ที่ถูกเรียกว่า VYCROSS Technology ซึ่งประกอบด้วยห่วงโซ่ไฮยาลูโรนิกชนิดสั้นและชนิดยาวเชื่อมโยงข้ามกัน มีลักษณะเจลใสเนื้อนิ่ม เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังจะกระจายตัวแทรกเข้าผิวได้เร็ว และสามารถคงตัวอยู่ใต้ชั้นผิวได้นาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ เหมือน Skin Booster ตัวอื่น

ซึ่งการฉีด Juvéderm Volite HA Skin Booster เพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 9 เดือน และการฉีด HA Skin Booster นี้ และเป็น Skin Booster ยี่ห้อเดียวที่กระตุ้นคอลลาเจน อิลาสตินใต้ผิวพร้อมทั้งเพิ่มท่อส่งน้ำใต้ผิวทำให้ผิวดูฉ่ำวาว ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใสขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ

ก่อน-หลัง ฉีด ฟิลเลอร์ Volite HA Skin Booster ก่อน-หลัง ฉีด ฟิลเลอร์ หลังมือ Volite HA Skin Booster

Juvéderm Volite HA Skin Booster เหมาะกับใครบ้าง

การฉีด HA Skin Booster สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ เพราะมันเปรียบเสมือนการเติมวิตามินให้กับผิว ช่วยให้ผิวสุขภาพดี ฉ่ำวาว เปล่งปลั่ง ดูเรียบเนียน แต่จะขอแนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว อย่างเช่น

    • ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เป็นขุย
    • ผู้ที่มีสีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
    • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นตื้น ๆ หรือรอยหลุมสิวตื้น ๆ
    • ผู้ที่มีริ้วรอยบาง ๆ ตามบริเวณใบหน้า ลำคอ เนินอก หลังมือ
    • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง อยากกระชับรูขุมขน
    • ผู้ที่ปากแห้งมาก ๆ มีรอยเส้นปากเยอะและลึก แต่ไม่ได้ต้องการปรับรูปปาก สามารถใช้ HA Skin Booster ฉีดให้ตื้นขึ้นได้

ผลลัพธ์ของการฉีด HA Skin Booster

หลังจากฉีดไป 1 อาทิตย์จะรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น นิ่ม ฟู ของผิว และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 3-4 สัปดาห์ ผิวของคุณจะดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนที่แต่งหน้าเป็นประจำจะรู้สึกได้ว่าทาแป้งติดดีมากขึ้น ไม่ตกร่องเพราะผิวมีความชุ่มชื้น การฉีด HA Skin Booster 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 9 เดือน ไปจนถึง 1 ปี

การวัดผลหลังจากทำทรีตเม้นต์ด้วย Juvéderm Volite HA Skin Booster นั้น จะแตกต่างไปจากทรีตเม้นต์ตัวอื่น ๆ ค่ะ สังเกตด้วยตาเปล่ายากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการวัดจากความรู้สึกของคนไข้หลังฉีดผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์

แต่ใช่ว่าจะวัดออกมาเป็นผลลัพธ์ไม่ได้เลยนะคะ เพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวิเคราะห์สภาพผิวหน้าอย่างละเอียด เรียกว่า เครื่อง VISIA ค่ะ เจ้าเครื่องนี้จะช่วยเปรียบเทียบอายุผิวจริง ๆ ของเราในช่วงเวลาก่อนและหลังทำได้

Q&A: คำถามที่มักพบบ่อยกับการฉีด HA Skin Booster

Q: หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร สามารถฉีด HA Skin Booster ได้หรือไม่?

A: ไม่ได้มีข้อห้าม แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยใดที่รองรับว่าจะปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ดังนั้นแพทย์จะไม่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีด HA Skin Booster หรือทำหัตถการอื่นใดในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลังได้

สำหรับหญิงที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตรสามารถฉีดได้ค่ะ แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบด้วย

Q: การเห็นผลลัพธ์ของการฉีด HA Skin Booster ในคนแต่ละช่วงวัย

A: ขอแบ่งเป็น 2 ช่วงอายุนะคะ คือ กลุ่มอายุไม่เกิน 35 ปี และกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป

กลุ่มอายุไม่เกิน 35 ปี – เป็นช่วงอายุที่ยังสามารถผลิตคอลลาเจนกับอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังตามธรรมชาติได้ดีอยู่ ดังนั้นการฉีด HA Skin Booster เข้าไปจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีมาก เหมือนการฉีดเข้าไปเสริมให้ยิ่งดีกว่าเดิม

กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป – เป็นช่วงอายุที่การผลิตคอลลาเจนกับอิลาสตินใต้ชั้นผิวเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย การฉีด HA Skin Booster เพียงอย่างเดียวของคนวัยนี้ อาจไม่ได้เห็นผลลัพธ์ดีเลิศแบบกลุ่มอายุน้อย แพทย์มักจะแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับหัตถการอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้แก้ปัญหาที่ต้องการได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด

Q: HA Skin Booster สามารถฉีดบริเวณใต้ตาได้หรือไม่

A: บริเวณใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบางมากค่ะ สามารถฉีด HA skin booster ใต้ตาเพิ่มให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลงได้ค่ะแต่ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้นนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

Juvéderm Volite HA Skin Booster ยังนิยมนำมาฉีดริมฝีปากเพื่อเพิ่มความฉ่ำ แก้ปากแห้ง ปากแตกเป็นริ้วได้อีกด้วยค่ะ

Juvéderm Volite HA Skin Booster Glass Skin Juvéderm Volite HA Skin Booster Glass Skin

ใครที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองแห้ง กร้าน ดูมีริ้วรอย อายุเยอะกว่าวัย หากเริ่มดูแลผิวตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังทันนะคะ HA Skin Booster สามารถช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวจากภายในให้คุณได้ แต่ก็ใช่ว่าคุณเองจะละเลยการดูแลตัวเองหลังจากนั้นได้นะคะ ในเมื่อมีตัวช่วยที่ดีแล้ว คุณก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพและคงการแสดงประสิทธิผลของการทำทรีตเม้นต์ให้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ถ้าต้องการดูแล ฟื้นฟู ปรับปรุง บำรุงจากภายในสู่ภายนอก สามารถสอบถามรายละเอียดการฉีด HA Skin Booster เพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรืออยากจองคิวเพื่อเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

The post ผิว บอกอะไรคุณได้มากกว่าเรื่องอายุ appeared first on Apex Profound Beauty.

ไขมันตัวร้าย หาก ดูดไขมัน ออกแล้วต้องพักฟื้นกี่วันกัน

$
0
0

ดูดไขมัน
เรื่องของไขมันใครว่าไม่สำคัญ สาว ๆ หลายคนมักจะขาดความมั่นใจอยู่เสมอเมื่อรู้สึกบริเวณที่เคยเล็กหรือคอดกลับใหญ่จนแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทำให้ต้องหาตัวช่วยมากมายเพื่อแก้ปัญหาอย่างเช่นการที่มีขันส่วเกินในบริเวณต่าง ๆ ทำให้ทั้งความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองนั้นหดหายไปหมด ทางแก้ปัญหาอย่างการดูดไขมันเรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุดและตรงใจ แต่หลาย ๆ คนก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า หาก ดูดไขมัน แล้วนั้นจะต้องพักฟื้นหรือลางานเป็นเวลากี่วันกัน วันนี้เรามีเรื่องของการดูดไขมันมาฝากกันค่ะ

การดูดไขมัน (Liposuction)

การดูดไขมันเป็นการทำศัลยกรรมเพื่อความงามโดยใช้เทคนิคในการนำไขมันส่วนเกินบริเวณชั้นใต้ผิวหนังออกจากร่างกายเฉพาะจุด โดยในบางจุดนั้นเรียกว่าเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากหรือไม่ได้เลยแม้จะออกกำลังกายก็ตาม ซึ่งจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนดูดไขมัน

ต้องไม่ลืมว่าการดูดไขมันนั้นไม่ใช่ “การลดน้ำหนักหรือการออกกำลังกาย” จึงไม่ควรใช้วิธีนี้มาเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนัก อย่าลืมสำรวจตัวเองด้วยว่าจะดูดไขมันบริเวณไหน ไม่ควรลืมเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับคำปรึกษาหรือการดูแลตลอดการดูดไขมัน และจะต้องไม่ลืมตรวจสอบรายชื่อศัลยแพทย์เพื่อรับรองในเรื่องความรู้และความชำนาญ โดยการเช็คได้จาก https://www.plasticsurgery.or.th/lst_name.php โดยรวมไปถึงสถานพยาบาลอีกด้วย นอกจากนี้ การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะช่วยให้คนไข้สามารถแจ้งกับแพทย์ในเรื่องโรคประจำตัวและยาหรือวิตามินที่รับประทานเป็นประจำอยู่อีกด้วย จะทำให้ทางแพทย์สามารถวางแผนการดูดไขมันได้ดียิ่งขึ้น

การพักฟื้นและการลางาน

เนื่องจากการดูดไขมันนั้นควรหยุดเพื่อพักฟื้นร่างกายตัวเองประมาณ 3-5 วัน เพื่อลดอาการบวมช้ำบริเวณที่ดูดไขมันอีกด้วย โดยรวมไปถึงการทำ Celeb Arms และการทำ Sexy line อีกด้วย

พักฟื้น

ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการพักฟื้น

ต้องยอมรับกันว่าอยากสวยนั้นต้องอดทนค่ะ ทนเจ็บเพื่อสัดส่วนที่น่าพอใจ ซึ่งหลังการดูดไขมันอาจมีการบวมช้ำหลังจากการดูดไขมันได้ ซึ่งการดูดไขมันนั้นสามารถทำร่วมกับการทำ J-Plasma ได้อีกด้วย

การดูแลตัวเองหลังจากดูดไขมันและการทำ J-Plasma

  1. ทำแผลตามคำแนะนำของแพทย์
  2. หลังจากดูดไขมันแล้วควรพักผ่อน และขยับร่างกายบ้างเล็กน้อยเพื่อป้องกันก้อนเลือดหรือลิ่มเลือดอุดตัน อีกทั้งยังเป็นการช่วงระบายของเสียที่ค้างอยู่ในร่างกาย
  3. งดอาน้ำในวันที่ดูดไขมัน โดยแนะนำเป็นการอาบน้ำในวันถัดไป และควรแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่แผลโดนน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือบาดแผลปิดไม่สนิทได้
  4. สวมกระชับสัดส่วนตลอด 24 ชั่วโมงใน 3 วันแรก หลังจากนั้นจึงค่อยลดลงเหลือวันละ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 1 เดือน
  5. งดการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันแผลเปิด แต่ยังสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ 
  6. งดทานอาหารรสเค็ม และแอลกอฮอล์รวมไปถึงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันแผลหายช้า
  7. หากเกิดความผิดปกติหลังการดูดไขมัน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

ฟังแล้วอาจดูน่ากลัวไปซักหน่อย แต่หากทำการดูดไขมันกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความกังวลใจจะหมดไปอย่างแน่นอน เพราะที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำด้านการดูดไขมัน วิธีที่เหมาะต่อสภาพร่างกายที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ อีกทั้งยังมีห้องผ่าตัดที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย และปลอดเชื้อเทียบเท่ากับโรงพยาบาลชั้นนำผู้เข้ารับบริการจึงกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และมีหุ่นสวยกระชับได้ตามอย่างที่หวังได้อย่างแน่นอนค่ะ

 

ปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์เพื่อทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการ ดูดไขมัน

LINE@: http://line.me/ti/p/%40APEXsurgery

Call Center 0888-7000-39 และ 0888-7000-16

 

The post ไขมันตัวร้าย หาก ดูดไขมัน ออกแล้วต้องพักฟื้นกี่วันกัน appeared first on Apex Profound Beauty.


รู้ยัง ? Emsculpt 30 นาที เท่ากัน ซิทอัพ 20,000 ครั้ง ! 

$
0
0

ซิทอัพ
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว ก็ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดสัดส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าก็ต้องใช้ความอดทน และความมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่อยากมีกล้ามท้อง หรือซิกแพ็กก็ต้องตั้งใจออกกำลังกายอย่างหนักกว่าจะเห็นผล ไม่ว่าจะเป็นการ ซิทอัพ หรือออกกำลังกายด้วยท่าอื่น ๆ แล้วถ้าไม่มีเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่อยากมีซิกแพ็กจะสามารถมีได้หรือไม่ ขอบอกเลยค่ะว่าไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินตัวอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อท้องได้แล้วค่ะ

ปัจจุบันการสร้างกล้ามเนื้อท้องไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะล่าสุดมีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ และลดไขมันส่วนเกินไปได้พร้อม ๆ กัน นั่นก็คือเทคโนโลยี Emsculpt ซึ่งเป็นการลดสัดส่วนด้วยการใช้คลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-Intensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) โดยในกระบวนการลดสัดส่วนของ Emsculpt นั้น คลื่นพลังงานจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ด้วยการทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งในระดับความหนักเกินกว่าความหนักสูงสุด (supramaximal contractions) ภายในเวลา 30 นาทีก็เทียบเท่ากับซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง ! ผลที่ได้ก็คือกล้ามเนื้อเกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และทำให้มวลกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้น เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

ทั้งนี้ในการทำ Emsculpt 1 ครั้งสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ 19% และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ถึง 16% หากทำซ้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 4 – 6 สัปดาห์ ก็จะช่วยให้คุณสามารถมีซิกแพ็กได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องเสียเวลาออกกำลังกายหนัก ๆ อีกต่อไป เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมีซิกแพ็กที่สวยงามแต่ไม่มีเวลามากพอที่จะออกกำลังกาย หรือคนที่ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

และที่ APEX เราเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเอาเทคโนโลยี Emsculpt มาให้บริการแก่ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสัดส่วน อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญในด้านการลดสัดส่วน ที่พร้อมจะให้คำปรึกษาเรื่องการลดสัดส่วน และออกแบบรูปร่างใหม่ให้คุณ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถมีรูปร่างที่ดีได้ และกำจัดปัญหาสัดส่วนที่เคยกวนใจได้อย่างแน่นอน ด้วยเทคโนโลยี Emsculpt จาก APEX ค่ะ

 

อยากหุ่นดีทัก ปรึกษาที่นี่ 095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim/

The post รู้ยัง ? Emsculpt 30 นาที เท่ากัน ซิทอัพ 20,000 ครั้ง !  appeared first on Apex Profound Beauty.

Emsculpt เหมาะกับใครบ้าง ?

$
0
0

EMSCULPTเราทราบกันดีว่า ถ้าจะมีรูปร่างที่ดีได้ หนึ่งสิ่งที่จะต้องมีก็คือการมีวินัยในตัวเอง โดยเฉพาะวินัยในการออกกำลังกาย อีกทั้งยังต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทว่าการออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานก็อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับหลาย ๆ คน เนื่องด้วยข้อจำกัดของเวลา และความพร้อมของร่างกาย ดังนั้นในปัจจจุบันจึงมีเทคโนโลยีการลดสัดส่วนที่มีประสิทธิภาพออกมามากมาย และหนึ่งในนั้นซึ่งกำลังได้รับความนิยมนั่นก็คือ EmSculpt แต่การลดสัดส่วนด้วยวิธีนี้เหมาะกับใคร ลองไปเช็กกันดีกว่าคุณคือคนนั้นที่เหมาะกับการลดสัดส่วนด้วย EmSculpt หรือเปล่า

ปัจจุบัน EmSculpt เป็นเทคโนโลยีการลดสัดส่วนที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วน โดยผู้ที่เหมาะสำหรับการทำ EmSculpt มีดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ผู้ที่ออกกำลังกายมานานแล้วแต่ไม่เห็นผล
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ต้องการมีกล้ามท้องที่สวยงาม
  • ผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามท้อง หรือซิกแพ็กที่สวยงามโดยไม่ต้องดูดไขมัน
  • ผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรที่มีภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกตัวออกจากกัน
  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่ต้องการให้กล้ามเนื้อท้องยังคงแข็งแรงไม่หย่อนคล้อย
  • ผู้ที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายแบบปกติได้
  • ผู้ที่ต้องการศัลยกรรมเสริมบั้นท้าย แต่ไม่ต้องการผ่าตัด
  • ผู้ที่มีกล้ามเนื้อที่บริเวณก้นอยู่แล้ว แต่หย่อนคล้อย และต้องการการยกกระชับ
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณบั้นท้ายให้ดูสวยมากขึ้น

ต้องยอมรับเลยว่าการทำ Emsculpt นั้นมีประโยชน์และเหมาะกับคนหลาย ๆ กลุ่มอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามหากคิดจะทำแล้วล่ะก็ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เนื่องจากในการทำ Emsculpt นั้นเป็นการลดสัดส่วนด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-Intensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ซึ่งส่งพลังงานที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ เข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดเกร็งกล้ามเนื้อ ในระดับความหนักเกินกว่าความหนักสูงสุด (supramaximal contractions) ถึง 20,000 ครั้ง ภายในเวลา 30 นาที ทำให้เกิดการสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ และเมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น โดยจากการศึกษาพบว่าการทำ Emsculpt สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 4 – 6 สัปดาห์จะช่วยให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และลดไขมันส่วนเกินลงได้ ซึ่งในการทำแต่ละครั้งจะสามารถลดไขมันส่วนเกินได้ถึง 19% และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ถึง 16% เรียกได้ว่าสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นได้โดยไม่ต้องออกกกำลังกายให้เสียเวลาอีกต่อไป

และที่ APEX เราเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเข้าเทคโนโลยี Emsculpt เข้ามาให้บริการ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญในด้านการลดสัดส่วนดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการทำ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถมีรูปร่างที่ดีได้ และกำจัดปัญหาสัดส่วนที่เคยกวนใจได้อย่างแน่นอน

 

อยากหุ่นดีทัก ปรึกษาที่นี่ 095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim/

The post Emsculpt เหมาะกับใครบ้าง ? appeared first on Apex Profound Beauty.

อัญชัน ช่วยให้ ผมดก ได้จริงหรือ ?

$
0
0

อัญชัน
อัญชัน เป็นหนึ่งในสมุนไพรมากคุณค่าที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายทาง แต่ที่ดูเหมือนว่าจะนำมาใช้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความงาม เพราะมีความเชื่อว่าหากนำอัญชันมาใช้บำรุงเส้นผมก็จะช่วยให้ผมดกดำเงางาม หรือถ้าหากนำมาทาคิ้วเด็กแรกเกิดก็จะทำให้เด็กคนนั้นโตมามีคิ้วที่ดกดำ แต่ความเชื่อที่มีมาแต่โบราณนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ใช้อัญชันหมักผมแล้วจะช่วยให้ผมดกดำจริงหรือไม่ เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

ในความเป็นจริงแล้ว อัญชันไม่ได้ส่งผลดีต่อเส้นผมโดยตรงค่ะ แต่สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่อยู่ในอัญชันนั้นมีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เส้นผมจะแข็งแรงได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระบบไหลเวียนเลือดที่ดี ทำให้เลือดสามารถมาหล่อเลี้ยงรากผมได้เพียงพอ ทำให้เส้นผมแข็งแรง หรือเส้นผมที่ขึ้นใหม่มีความดกดำมากขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นว่าเมื่อใช้อัญชันหมักผมบ่อย ๆ แล้วเส้นผมจะดูแข็งแรงนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การใช้อัญชันก็ไม่ได้ส่งผลดีกับทุกคนเสมอไป เนื่องจากสารแอนโทไซยานินในอัญชันนั้นมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของลิ่มเลือดนั้นจึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้หรือมารับประทาน เพราะอาจส่งผลเสียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ฉะนั้นหากคิดจะนำอัญชันมาใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพ ควรศึกษาให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาในภายหลังค่ะ

ได้ทราบแบบนี้แล้วใครที่ชอบนำดอกอัญชันมาหมักผมเพื่อให้ผมดกดำแล้วล่ะก็ ก็ยังสามารถทำได้นะคะ แต่อย่าลืมว่าจะพึ่งพาเพียงการนำดอกอัญชันมาใช้อย่างเดียวก็อาจไม่ได้ผลที่ชัดเจนนัก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา ผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน การใช้อัญชันบำรุงเส้นผมอาจไม่ได้ช่วยมากนัก จึงจะต้องใช้วิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจค่ะ

และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน และต้องการการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจนได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ การปลูกผมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังจากทำ และผลลัพธ์ก็คงทนถาวรมากกว่าวิธีอื่น ๆ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค Robot Hair Transplant หรือการปลูกผมด้วยแขนกล ก็นับเป็นวิธีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากไร้แผลผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการปลูกผมแบบเดิม ๆ

Robot Hair Transplant การปลูกผมด้วยแขนกล เป็นเทคโนโลยีการปลูกผมใหม่ล่าสุดที่ผสานเอานวัตกรรมการปลูกผม และความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทางไว้ด้วยกัน จึงออกมาเป็นเทคนิคการปลูกผมที่มีเฉพาะที่ APEX ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากกว่าการปลูกผมแบบเก่า ๆ ที่ผ่านมา เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะมีความดกดำ และดูแน่นเป็นธรรมชาติ ทำให้คนที่เคยมีปัญหาเส้นผมกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องเจ็บตัว หรือกังวลใจกับแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นจากการปลูกผมอีกต่อไป

และที่ APEX นอกจากเราจะมีเทคโนโลยีปลูกผมที่ทันสมัยแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และให้การดูแลเป็นอย่างดีตลอดการรักษา ผู้เข้ารับบริการสามารถมั่นใจได้ว่าจะกลับมีผมที่ดกดำ และดูเป็นธรรมชาติได้อีกครั้งด้วยการปลูกผมเทคนิค Robot Hair Transplant จาก APEX ค่ะ

 

สอบถามเพิ่มเติม และประเมินกราฟ โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

The post อัญชัน ช่วยให้ ผมดก ได้จริงหรือ ? appeared first on Apex Profound Beauty.

ความเชื่อโบราณ อาหารต้องห้ามหลังการผ่าตัด ดึงหน้า จริงหรือ?

$
0
0

ดึงหน้า
ปัจจุบันเรื่องของการทำศัลยกรรมเรียกได้เป็นเรื่องปกติที่ใครหลายคนสนใจและอยากจะทำเป็นเรื่องปกติ บางคนมีความต้องการจะทำศัลยกรรมเพื่อเพิ่มความความมั่นใจให้กับตัวเอง และยังรวมไปถึงการยกกระชับเพื่อเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กลับตัวเองอย่างเช่นการดึงหน้า หลาย ๆ คนที่กำลังหาข้อมูลในการดูแลตัวเองหลังจากการทำศัลยกรรม ดึงหน้า ควรทำอย่างไร โดยยังรวมไปถึงเรื่องอาหารการกิน อะไรที่ทานได้หรือไม่ได้ตามความเชื่อที่เคยได้ฟังมานี่มันจริงหรือเปล่า วันนี้เราได้เอาความเชื่อเรื่องอาหารมาฝากกันค่ะ

คำโบราณสอนใจ : อาหารห้ามทานถ้าไม่อยากหมดสวย

ในอดีตมีความเชื่อในเรื่องของอาหารการกินว่า อาหารบางอย่างนั้น หากทานหลังจากทำศัลยกรรมแล้วอาจทำให้แผลจากการผ่าตัดเกิดอาการอักเสบหรือบวมได้ แต่ความจริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร และจะมีอะไรบ้าง เราได้นำมาฝากกันค่ะ

  • ของหมักดอง ไม่แนะนำให้รับประทาน เพราะของหมักดองต้องใช้เวลาในการหมัก ในบางร้านอาจทำไม่สะอาด ส่งผลให้แผลอาจติดเชื้อหรืออาจทำให้แผลบวมได้นั้นเอง
  • ทุเรียน ของชอบของใคร ๆ หลายคนจนทำให้เกิดความสงสัยว่าหากทำศัลยกรรมแล้วจะทานได้ไหม เพราะความเชื่อในอดีตนั้นเคยมีคำบอกล่าวว่า ทานไม่ได้ แต่ความจริงแล้วนั้นแพทย์ยืนยันว่าสามารถทานได้ แต่ทางที่ดีควรปล่อยให้ผ่านไปสักระยะประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ควรรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป 
  • ไข่ หลายคนบอกว่าหากรับประทานไข่หลังจากเข้ารับการผ่าตัดจะทำให้เป็นรอยแผลเป็น หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็นคีรอยด์ แต่ในความจริงแล้วโปรตีนจากไข่จะช่วยซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอจากการผ่าตัดได้ดี และยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ใกล้ตัวและหาได้ง่ายอีกด้วย
  • อาหารทะเล มีคำบอกเล่าว่าห้ามทานอาหารทะเลหลังจากทำศัลยกรรมแล้ว เพราะจะทำให้แผลอักเสบได้ ในความเป็นจริงแล้ว การทานอาหารทะเลนั้นไม่มีผลกระทบ แต่อาจหลีกเลี่ยงอาหารทะเลบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น ปู กุ้ง หรือหอยบางชนิด

และสิ่งที่ควรทำหลังจากทำศัลยกรรมแล้วนั่นคือ งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อ อักเสบและหลีกเลี่ยงการรับประทาอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการไอ จาม หรืออาเจียนในขณะที่รับประทานเพื่อป้องกันแผลผ่าตัดเกิดการสะเทือน

การส่องกล้องปักหมุด (Endoscopic Endotine Brow Lift)

รอยย่นบนใบหน้าและหางตานั้นส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยได้ เป็นปัญหาใหญ่ที่ใครหลายคนนั้นเกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันั้นมีเทคโนโลยีมากมายที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในด้านนี้ ซึ่งเทคนิคใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเกาหลีอย่างเทคนิคส่องกล้องปักหมุดเทคนิคเกาหลี เป็นเทคนิคยกคิ้วขึ้นร่วมกับการใช้ Endotine ยึดบริเวณชั้นกล้ามเนื้อด้านใน แผลเล็ก เจ็บน้อย ไร้รอยแผลบนใบหน้า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเป็นธรรมชาติ

ดึงหน้าต้นดึงหน้าสุ่ยดึงหน้าขวัญ

เทคนิคยกกระชับดึงหน้าและลำคอ (Face and Neck Lift)

ความหย่อนคล้อยตามช่วงอายุเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นและทำให้ดูแก่เกินกว่าวัยได้ในบางคนอาจมีปัญหาอ้วนหรือผอมอย่างรวดเร็วมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้บริเวณแก้มและลำคอคล้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แพทย์มักเลือกใช้เทคนิคการยกกระชับดึงหน้าและลำคอ (Face and Neck Lift) โดยเทคนิคนี้จะเป็นการเก็บผิวหนังบริเวณส่วนเกินโดยรวมไปถึงไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าช่วงล่างและลำคอเพื่อเก็บกรอบหน้าให้ชัด และยังยกกระชับผิวที่มีความหย่อยคล้อยให้เรียบตึงอย่างเป็นธรรมชาติ

ดึงหน้า คอดึงหน้าดึงคอ

Apex Medical Center คือสถาบันด้านความงามอย่างครบวงจรที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก จากปากต่อปากของคนที่ยอมรับว่า Apex Medical Center นั้นตอบโจทย์ในด้านการเพิ่มความมั่นใจให้กับใคร ๆ มากว่า 20 ปี ซึ่งมีหนึ่งในหัวเรือใหญ่ในด้านการใช้เทคนิคส่องกล้องปักหมุด อย่าง นายแพทย์สมบูรณ์ ไหวพริบ ผู้มีคติว่า “ศัลยกรรมเปรียบเสมือนการตัดชุด ความงามที่เหมาะสมพอดีกับแต่ละบุคคลจึงมีความสำคัญที่สุดสำหรับคนไข้” ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้นั้นส่งผลให้คุณดูดีในแบบที่เป็นคุณ แน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ ศัลยกรรมเทคนิค ดึงหน้า ส่องกล้องปักหมุด

โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurger

 

The post ความเชื่อโบราณ อาหารต้องห้ามหลังการผ่าตัด ดึงหน้า จริงหรือ? appeared first on Apex Profound Beauty.

สิวขนคุด เลเซอร์หนวดช่วยได้ !

$
0
0

สิวขนคุด
เชื่อว่าคุณผู้ชายคงทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราโกนหนวด นั่นก็คือบรรดาสิวน้อยใหญ่ สิวอักเสบ และ สิวขนคุด ที่ขึ้นตามมาติด ๆ เลยครับ ซึ่งปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาที่ทำอย่างไรก็หนีไม่พ้น แม้จะเปลี่ยนที่โกนก็แล้ว ใช้เจล ใช้โฟมก็ลองแล้ว สิวก็มักตามมาหลังโกนไม่กี่วัน กลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมาก ๆ เลย

สิวขนคุด เกิดจากอะไร?

สิวขนคุด เกิดจากการที่เส้นขนที่ขึ้นใหม่โผล่ไม่พ้นผิวหนัง และม้วนกลับลงไปจนทำให้เกิดการระคายเคือง และอักเสบเป็นตุ่มสิว โดยมากเกิดหลังการโกน ถอน หรือแว๊กซ์ นั่นเป็นเพราะกระบวนการเหล่านี้ ตัดเส้นขนใต้ชั้นผิว เส้นขนที่งอกขึ้นมาใหม่ อาจมีโอกาสไม่ทะลุรูขุมขนออกมา จึงม้วนกลับลงไปทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับคนที่เส้นขนหยิกมากกว่าคนที่มีเส้นขนตรง

ทางออกของ สิวขนคุด

เมื่อเรารู้แล้วว่า ขนใหม่ที่ขึ้นมาจะนำพาสิวมาด้วย สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ ซึ่งก็สามารถแก้ได้ด้วยการทำให้เส้นขนหยุดขึ้นมาใหม่นั่นเอง ซึ่งคุณหมอผิวหนังก็แนะนำการเลเซอร์ขน เพราะการทำเลเซอร์ขนจะช่วยทำให้รากขนฝ่อลง จนไม่สามารถสร้างเส้นขนได้อีก ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาโกนหนวด และหยุดปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังจากโกนหนวด โดยเฉพาะสิวขนคุดที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบ การทำเลเซอร์ขนก็สามารถช่วยแก้ตรงนี้ได้ครับ

ในปัจจุบันเลเซอร์หนวดถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายเราทำกันครับ เพราะว่าทำแล้วช่วยให้ดูสะอาดสะอ้าน แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาในการโกนหนวดทุกวันอีกต่อไป ซึ่งที่ APEX เขาก็มีนวัตกรรมใหม่ในการเลเซอร์ขน ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย อีกทั้งในการทำเลเซอร์หนวดนั้นก็มีการใช้เจลเย็น และการประคบเย็นเข้ามาช่วยในการทำเลเซอร์กำจัดขน ทำให้เวลาที่ทำนั้นไม่รู้สึกเจ็บ หรือร้อนเหมือนการทำเลเซอร์ขนแบบเก่า ๆ แถมการทำเลเซอร์ขนที่ APEX ก็ยังทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ไม่ต้องกลัวเรื่องว่าจะเกิดแผลไหม้หรือเปล่า หรือทำแล้วจะมีผลข้างเคียงไหม เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถกำหนดความเข้มข้นของคลื่นพลังงานได้เหมาะสมกับลักษณะของผิวแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ

ถ้าหากคุณผู้ชายคนไหนที่กำลังกังวลใจเรื่องสิวขนคุดอยู่ ผมขอแนะนำให้มาทำเลเซอร์หนวดที่ APEX เลยครับ เพราะเค้ามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำดี ๆ แล้วก็ให้บริการอย่างมืออาชีพ ใช้เวลาแค่ทำแค่แปบเดียวก็เสร็จ ทำติดต่อกันประมาณ 5 ครั้งก็เริ่มเห็นผล ยิ่งถ้าทำครบ 8 ครั้ง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าหนวดจะไม่ขึ้นอีกเลย เมื่อไม่มีหนวดขี้น ก็ไม่ต้องโกนหนวด ไม่ต้องเจอกับปัญหาสิวขนคุด สิวอักเสบอีกต่อไปครับ

 

The post สิวขนคุด เลเซอร์หนวดช่วยได้ ! appeared first on Apex Profound Beauty.

3 เหตุผล กำจัดไขมันด้วยความเย็น ทำไมต้อง CoolSculpting เท่านั้น ! 

$
0
0

CoolSculpting
ปัจจุบันการกำจัดไขมันด้วยความเย็น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดสัดส่วนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้มีการหลากหลายบริษัทนำเอานวัตกรรมการกำจัดไขมันด้วยความเย็นไปต่อยอดและเป็นพัฒนาเป็นเทคโนโลยีของตัวเอง แต่ถ้าจะพูดถึงเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด และเป็นที่รู้จักมากที่สุดนั่นก็คือ CoolSculpting ทว่าเพราะอะไรที่ทำให้การกำจัดไขมันด้วยความเย็นต้องเป็น CoolSculpting เท่านั้น นี่คือเหตุผลที่จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าการกำจัดไขมันด้วยความเย็น ไม่ใช่แค่เครื่องไหนก็ได้ แต่ต้อง CoolSculpting เท่านั้นค่ะ

1. ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก

CoolSculpting คือเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากการศึกษาวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งนับเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ไม่เพียงเท่านั้น CoolSculpting ยังได้รับการรับรองจาก US FDA ในเรื่องของความปลอดภัย และผลลัพธ์ว่าได้ผลลัพธ์จริง จึงมั่นใจได้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพแน่นอน

2. มีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอ

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อช่วยแก้ปัญหาสัดส่วนได้ตรงจุด และตรงกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการ จะเห็นได้จากหัว Applicator ของ CoolSculpting ที่มีมากมายหลายแบบทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ตรงจุดมากที่สุด ไม่ว่าจะมีไขมันน้อยหรือมาก CoolSculpting ก็สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. มีความปลอดภัยสูง

ในเรื่องความปลอดภัย CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีเซนเซอร์ในการตรวจจับอุณหภูมิ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าในการทำ CoolSculpting จะไม่มีปัญหาการเบิร์นเย็น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างแน่นอน ต่างจากเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ยังไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับความเย็นและทำให้เสี่ยงต่อการเบิร์นเย็นได้ง่ายกว่า

นี่คือเหตุผลเน้น ๆ ที่การกำจัดไขมันด้วยความเย็นนั้นต้องเป็น CoolSculpting เท่านั้น ฉะนั้นอย่ามัวแต่ลังเลว่าจะเลือกการกำจัดไขมันด้วยความเย็นแบบไหน และจะไว้ในได้แค่ไหนเลยดีกว่าค่ะ ในเมื่อ CoolSculpting ให้คุณได้มากกว่าทั้งในเรื่องของผลลัพธ์และความปลอดภัย

และถ้าคุณต้องการให้การทำ CoolSculpting ของคุณสัมฤทธิ์ผลได้อย่างที่ต้องการแล้วล่ะก็ ควรเลือกทำกับสถาบันความงามที่มีประสบการณ์ในการด้านการทำ CoolSculpting และมีผู้ที่เชี่ยวชาญให้บริการ เพราะความเชี่ยวชาญนั้นจะช่วยให้คุณมีรูปร่างตามอย่างที่คุณคาดหวังมากที่สุดค่ะ

ที่ APEX เราเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียในด้านการทำ CoolSculpting ด้วยเคสการทำที่มากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยออกแบบรูปร่าง รวมทั้งยังช่วยดูแลคุณตลอดกระบวนการทำ จึงทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะมีรูปร่างที่ดูดีได้ตามอย่างที่ต้องการแน่นอนด้วย CoolSculpting จาก APEX ค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

The post 3 เหตุผล กำจัดไขมันด้วยความเย็น ทำไมต้อง CoolSculpting เท่านั้น !  appeared first on Apex Profound Beauty.

รีวิว Emsculpt เพิ่ม กล้ามท้อง ปั้นซิกแพ็กให้ปัง

$
0
0

ซิกแพ็ก
กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง หรือที่เราเรียกกันวัน “ ซิกแพ็ก ” เป็นความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่รักในการออกกำลังกาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าการจะมีซิกแพ็กได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าไขมันที่ปกคลุมกล้ามเนื้อบริเวณนี้อยู่เป็นไขมันดื้อที่กำจัดออกได้ยาก ทำให้การมี กล้ามท้อง ทำได้ยาก

และด้วยเหตุนี้เอง ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับไขมันที่กำจัดออกได้ยาก รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่กำลังได้รับความนิยม นั่นก็คือ Emsculpt ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ในคราวเดียวกัน ด้วยการใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-Intensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ เข้าไปยังกล้ามเนื้อและไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดเกร็งกล้ามเนื้อ ในระดับความหนักเกินกว่าความหนักสูงสุด (supramaximal contractions) ถึง 20,000 ครั้ง ภายในระยะเวลาการทำ 30 นาที ผลที่ได้ก็คือโครงสร้างของกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนแปลง ทำให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่ม 16% ในขณะเดียวกันก็สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณหน้าท้องได้ทันทีถึง 19% ซึ่งหากทำครบตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญคือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 4 – 6 ครั้ง ก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน และนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากผู้ที่เคยผ่านการทำ Emsculpt ค่ะ

กล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้อง

และนี่คือบรรดาเซเลบริตี้และดาราฮอลลีวูดที่ไว้วางใจให้ EmSculpt ดูแลรูปร่างค่ะ

กล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องกล้ามท้องนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลลัพธ์โดยผู้ใช้จริงที่แสดงให้เห็นว่า Emsculpt คือเทคโนโลยีการลดสัดส่วนที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพจริง ทำให้การมีซิกแพ็กจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และไม่ต้องเสียเวลาออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหารหนัก ๆ อีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีลดสัดส่วนใหม่ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก จึงมั่นใจได้ว่า Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน

และที่ APEX เราคือแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเอาเทคโนโลยี Emsculpt มาให้บริการ ด้วยประสบการณ์ด้านความงาม และรูปร่างมายาวนานกว่า 25 ปี พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาและดูแลต้องการทำ Emsculpt เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะกล้ามท้องที่ชัด และสวยงามได้แน่นอน ด้วย Emsculpt จาก APEX ค่ะ

 

อยากหุ่นดีทัก ปรึกษาที่นี่ 095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim/

The post รีวิว Emsculpt เพิ่ม กล้ามท้อง ปั้นซิกแพ็กให้ปัง appeared first on Apex Profound Beauty.


เซ็กส์ ไม่แซ่บ ทำยังไงก็ไม่ฟิน แก้ได้อย่างไรบ้าง ?

$
0
0

เซ็กส์เซ็กส์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ของคู่รักหลาย ๆ คู่ได้ เพราะถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ให้แนบแน่นได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีคู่รักหลายคู่ที่ต้องประสบปัญหาความรักจืดจาง เพราะเรื่อง เซ็กส์ ไม่แซ่บเหมือนแต่ก่อน และต้องหาวิธีเพื่อให้เรื่องบนเตียงกลับมาเร่าร้อนเหมือนเดิม โดยคุณผู้ชายก็อาจต้องเสริมความอึดให้มากขึ้น เพิ่มลูกเล่นให้แพรวพราวกว่าเดิมเพื่อมัดใจคุณสาว ๆ แต่สำหรับผู้หญิงล่ะ จะต้องทำอย่างไรถึงจะกลับมาแซ่บได้อีกครั้ง ถ้าคุณสาว ๆ คนไหนยังไม่ทราบล่ะก็ เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำค่ะ

สำหรับผู้หญิงแล้ว สาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ความแซ่บลดลงก็อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งกายภาพ หรือว่าเกิดขึ้นจากฮอร์โมนจนทำให้อะไรที่เคยฟิตกระชับ ก็ร่วงโรยลง อย่างเช่นบริเวณจุดซ่อนเร้น และช่องคลอดที่เรียกได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของความแซ่บเลยก็ว่าได้ ซึ่งความร่วงโรยของบริเวณดังกล่าวนั้นนอกจากจะทำให้เรื่องบนเตียงไม่แซ่บเหมือนเก่าแล้ว ยังอาจนำมาสู่ปัญหาสุขภาพผู้หญิงอื่น ๆ ได้อีกด้วย ฉะนั้นถ้าหากต้องการฟื้นคืนความแซ่บให้กิจกรรมบนเตียงเร่าร้อนเหมือนเก่า ก็ต้องเริ่มกันที่การฟื้นคืนความกระชับนี่ล่ะค่ะ

ทั้งนี้ในการฟื้นคืนความกระชับให้กับจุดซ่อนเร้นก็มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายกระชับช่องคลอด และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือถ้าไม่กลัวเจ็บตัวก็อาจเลือกวิธีการผ่าตัดรีแพร์ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ยังมีความเสี่ยง แถมในอนาคตก็อาจกลับมาหย่อนคล้อยซ้ำได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเจ็บครั้งเดียวแต่ไม่จบ แถมยังเสียเวลาพักฟื้นนานอีกด้วย

แต่ถ้าหากคุณสาว ๆ กลัวเจ็บ และไม่อยากให้คุณผู้ชายทราบว่าแอบไปทำรีแพร์มาล่ะก็ เรายังมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาแนะนำกันค่ะ นั่นก็คือ เทคโนโลยี Vaginal Lift ซึ่งเป็นการฟื้นคืนความกระชับของจุดซ่อนเร้นด้วยคลื่นพลังงาน โดยในกระบวนการของ Vaginal Lift นี้ คลื่นพลังงานจะถูกส่งเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และช่องคลอด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวกระชับขึ้นทันทีหลังจากทำ

ในขณะเดียวกันคลื่นพลังงานก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารหล่อลื่นในช่องคลอดให้มากขึ้น ผลที่ได้ก็คือช่องคลอดจะกระชับ และชุ่มชื้นมากขึ้น คุณสาว ๆ จะสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะเทคโนโลยี Vaginal Lift ยังสามารถนำมาใช้เพื่อตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของจุดซ่อนเร้นได้ ทำให้น้องสาวกลับมากระจ่างใส กระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดอีกต่อไป

และถ้าหากคุณสาว ๆ กำลังมองหาตัวช่วยคืนความแซ่บอย่าง Vaginal Lift ที่ปลอดภัย และไว้ใจได้แล้วล่ะก็ ที่ APEX เราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพผู้หญิง เพราะเรามีเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขทุกปัญหาจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง เพื่อให้สาว ๆ กลับมามีความมั่นใจในความแซ่บได้อีกครั้ง อย่าปล่อยให้กิจกรรมรักจืดจางเพราะความหย่อนคล้อย ให้ Vaginal Lift จาก APEX ช่วยดูแลคุณสาว ๆ ดีกว่าค่ะ รับรองว่าคุณผู้ชายที่บ้านไปไหนไม่รอดแน่นอน !

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

 

The post เซ็กส์ ไม่แซ่บ ทำยังไงก็ไม่ฟิน แก้ได้อย่างไรบ้าง ? appeared first on Apex Profound Beauty.

เสริม วิตามิน อย่างไรให้ห่างไกล ไวรัส

$
0
0

วิตามิน
การรับประทาน วิตามิน อาหารเสริม ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวก แต่ถึงอย่างนั้นการรับประทานวิตามินอาหารเสริมเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ได้ปริมาณวิตามินในปริมาณเทียบเท่ากับที่กินเข้าไป เพราะยังต้องผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึมนำไปใช้ ร่างกายของเราสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้จริงได้เพียง 20 – 30% เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอให้ร่างกายของคนเรานำไปใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ห่างไกลจากไวรัส แล้วจะมีวิธีใดอีกไหมที่สามารถช่วยเสริมวิตามินให้กับร่างกายได้มากพอที่จะห่างไกลจากไวรัส ?

ถ้าหากต้องการการดูแลสุขภาพที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากไวรัสแล้วล่ะก็ ขอแนะนำ IV Drip ซึ่งเป็นวิธีการดูแลสุขภาพแบบเชิงลึกในระดับเซลล์ ด้วยการนำค็อกเทลวิตามินสุดเข้มข้นที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเหล่านั้นไปใช้ได้ 100% โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการใด ๆ ของร่างกายอีก ผลที่ได้ก็คือร่างกายจะได้รับการเสริมสร้าง และฟื้นฟูในทันทีโดยไม่ต้องรอเวลาเหมือนกับการรับประทานอาหารเสริมที่ต้องรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 3 – 6 เดือนจึงจะเห็นผล

ไม่เพียงเท่านั้น สูตรการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip นั้น ยังมีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน ซึ่งที่ APEX ก็มีสูตรวิตามิน IV Drip ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ปลอดภัยจากไวรัส และช่วยดูแลให้สุขภาพดีตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก โดยสูตรที่กำลังได้รับความนิยมก็คือ IV Drip สูตร Super C ซึ่งเป็นสูตรการดูแลสุขภาพที่มีวิตามินซีในระดับเข้มข้นเป็นจุดเด่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูร่างกายจากการทำงานหนัก ให้กลับมารู้สึกสดชื่น และกระฉับกระเฉงอีกครั้ง

นอกจากนี้เรายังมี IV Drip สูตร Rejuvenate ซึ่งเป็นการนำเอาวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพ และภูมิคุ้มกันของร่างกายมาไว้ด้วยกัน ผลที่ได้รับก็คือสุขภาพร่างกายจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวในกลับมาดูสดใสเปล่งปลั่งอย่างมีออร่าได้อีกด้วย เรียกได้ว่าดูแลสุขภาพครั้งเดียวได้ผลดี 2 ต่อเลยล่ะค่ะ

และถ้าหากคุณกำลังสนใจการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip อยู่ล่ะก็ อย่ามัวรอช้าค่ะ เพราะที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำปรึกษา เพื่อวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ให้คุณหมดกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และบรรดาไวรัสตัวร้ายที่พร้อมจะจู่โจมคุณโดยไม่รู้ตัว เพราะสุขภาพเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ให้ IV Drip จาก APEX ช่วยดูแลคุณก่อนจะสายไปดีกว่านะคะ

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post เสริม วิตามิน อย่างไรให้ห่างไกล ไวรัส appeared first on Apex Profound Beauty.

จัดฟัน ภูเก็ต โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ม.มหิดล ที่ APEX Dental Center

$
0
0

จัดฟัน
จัดฟัน คือ การแก้ไขฟันและขากรรไกรที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ฟันยื่นและฟันที่ขบกันไม่พอดีจะทำให้ยากต่อการทำความสะอาด และมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรเนื่องมาจากฟันผุและโรคเหงือก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการกดทับต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดศรีษะ อาการปวดที่ข้อต่อขากรรไกร คอ ไหล่ และหลังได้ ฟันที่ยื่นหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็ยังทำลายบุคลิกภาพอีกด้วย ที่ APEX Dental Center สาขาภูเก็ต จัดฟันด้วยทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน ฟันเรียงตัวสวยอย่างปลอดภัย

ประโยชน์ของทันตกรรมจัดฟันนั้นรวมถึงสุขภาพปากที่แข็งแรงขึ้น ลักษณะบุคลิกภาพที่น่าพึงใจกว่าเดิม และฟันที่สามารถจะคงทนไปตลอดชีวิต ทำให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงาม ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ และเปิดโอกาสใหม่ให้กับชีวิตได้มากขึ้น

ทันตแพทย์เฉพาะทาง จัดฟัน ที่สาขาภูเก็ตคือใคร?

เชี่ยวชาญในสาขานี้เรียกว่า ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน ซึ่งจะใช้เวลา 2 ปี หรือมากกว่านั้นในการศึกษาในโปรแกรมที่ได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย นอกเหนือจากเวลา 6 ปีในมหาวิทยาลัย ซึ่งทันตแพทย์จัดฟันภูเก็ต จบการศึกษาด้านจัดฟันจากมหาวิทยาลัยมหิดล สามารถปรับการเรียงตัวของฟันให้สวยงามรับกับใบหน้าของแต่ละบุคคล

เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราต้องการทันตกรรมจัดฟัน

มีเพียงทันตแพทย์หรือทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าคุณควรจะจัดฟันหรือไม่ จากการวินิจฉัยด้วยประวัติการรักษาทางการแพทย์เช่นการเอกซเรย์ การสแกนฟัน และการตรวจลักษณะฟันภายในช่องปาก เพื่อวิเคราะห์ปัญหาการสบฟัน และการจัดเรียงตัวใหม่ให้สวยงามรับกับใบหน้า พร้อมกับการบดเคี้ยวอาหารที่ดีอีกด้วย

คุณอาจต้องรับการจัดฟันถ้าคุณมีปัญหาต่อไปนี้:

  • ฟันบนยื่น— ฟันบนยื่นออกมาข้างหน้ามาก ไม่สามารถเลื่อนสบกับฟันล่างได้
  • ฟันล่างยื่น—ฟันล่างยื่นออกมาข้างหน้ามากกว่าฟันบน หรือไม่สามารถสบฟันบนได้
  • ฟันกัดคร่อม— ฟันบนไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง มีลักษณะขบแบบไขว้
  • ฟันสบเปิด— เมื่อขบฟันและแล้วมีช่องว่างเปิดระหว่างฟันบนกับฟันล่าง
  • ฟันกัดเบี้ยว— จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง
  • ฟันห่าง— มีช่องว่างระหว่างฟันอันเกิดจากฟันหลุดหรือฟันที่ขึ้นไม่เต็ม หรือขนาดของฟันที่ไม่สมดุลกัน
  • ฟันซ้อน— ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน หรือในบางรายฟันมีขนาดใหญ่ทำให้ขึ้นเบียดกันจึงทำให้เกิดการซ้อนเก

การจัดฟันที่ภูเก็ต มีกี่แบบ อะไรบ้าง

การรักษาด้วยทันตกรรมจัดฟันมีหลายวิธีที่จะช่วยในการจัดฟัน จัดระเบียบกล้ามเนื้อและขากรรไกร โดยมีทั้งที่เป็นแบบติดถาวรและแบบถอดออกได้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะทำการดัดฟันและขากรรไกรแบบนุ่มนวล เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง สวยงาม และเป็นระเบียบมากขึ้น

เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น

  • เหล็กดัดฟัน— เป็นวิธีการที่พบมากที่สุด ประกอบด้วยยาง ลวด หรือเหล็ก โดยยางจะติดรอบฟันโดยใช้เป็นตัวยึดของอุปกรณ์ ส่วนเหล็กจะถูกเชื่อมติดกับด้านหน้าของฟัน เส้นลวดจะถูกร้อยผ่านแต่ละเหล็กและยึดติดกับยาง การดึงลวดให้ตึงขึ้นจะเป็นการเพิ่มแรงดึงที่ตัวฟัน และค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม เหล็กดัดฟันจะมีการปรับทุก ๆ เดือนเพื่อให้เกิดผลที่ต้องการ ซึ่งเวลาที่ใช้ในการจัดฟันอาจเริ่มตั้งแต่ 2-3 เดือน จนถึง 2-3 ปี ปัจจุบันนี้ เหล็กจัดฟันมีขนาดเล็กลง เบาลง และดูไม่เป็นโลหะเหมือนในอดีต นอกจากนี้ยังมีสีสันสดใสสำหรับเด็ก และแบบใสที่ผู้ใหญ่นิยมใช้อีกด้วย

เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ invisalign

The post จัดฟัน ภูเก็ต โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ม.มหิดล ที่ APEX Dental Center appeared first on Apex Profound Beauty.

PRP Stem Cell คืออะไร ?

$
0
0

PRP
PRP หรือเรียกเต็มๆว่า platelet rich plasma เป็นการนำเอาเกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวคุณเองไปสกัดจนได้สเต็มเซลล์จากพลาสมา จากนั้นนำมาใช้ฉีดบำรุงได้ไม่ว่าจะเป็นบริเวณผิวหน้าหรือเส้นผม หนังศีรษะ ก็สามารถใช้ PRR ช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน

PRP กับการช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ

สำหรับการใช้ PRP สเต็มเซ็ลล์สกัดจากเกล็ดเลือดเพื่อช่วยเรื่องผมร่วง ผมบาง ก็ได้รับความนิยมมาค่อนข้างนานมากแล้วแต่ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ชัดเจนมากนักขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ผลที่เห็นได้ชัดเจนคือช่วยปรับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงพร้อมกับการบำรุง ในขั้นตอนการปลูกผมต่อ หรือจะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางยังไม่รุนแรงมาก ผมจะกลับมาเส้นใหญ่แข็งแรงขึ้นได้อีกครั้ง

ปลูกผมด้วย PRP Stem Cell

ปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์เกล็ดเลือดเข้มข้นช่วยเรื่องปัญหาผมร่วง ผมบาง และทำให้ผมขึ้นได้หรือหรือไม่ ผลลัพธ์ของการปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์เกล็ดเลือดเข้มข้นนั้น การจะเห็นผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์และการตอบสนองต่อเซลล์ของแต่ละบุคคล เส้นผมจะขึ้นใหม่เท่าที่มีเคสทดลองทำแล้วนั้นเส้นผมที่ขึ้นใหม่จะขึ้นเป็นไรผมอ่อนๆ จะเพิ่มความหนาแน่นให้เส้นผมได้ในระดับนึง หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง ในระดับเริ่มต้นก็สามารถเลือกวิธีการปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์เกล็ดเลือดเข้มข้นแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางได้

PRP Stem Cell กับการบำรุงผิว

จริงๆแล้ว PRP Stem Cell ยังสามารถช่วยบำรุงผิวได้อีกด้วย เพราะเป็นการใช้สเต็มเซลล์จากเกล็ดเลือดของคุณเอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทรี๊ตเม้นที่ได้รับความนิยมในการบำรุงผิวที่เสื่อมสภาพยิ่งผิวหน้าด้วยแล้วได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะด้วยคุณสมบัติช่วยบำรุงระดับเซลล์ผิวผลลัพธ์จึงค่อนข้างชัดเจนและเห็นผลเร็ว

เห็นมั้ยล่ะคะว่า PRP Stem Cell ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่ว่าจะใช้บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะหรือการบำรุงฟื้นฟูผิวหน้าก็สามารถใช้สเต็มเซลล์จากเกล็ดเลือดเข้มข้นของคุณเองได้

สอบถามเรื่อง PRP Stem cell ได้ที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Apex Medical Center ทุกสาขา
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

The post PRP Stem Cell คืออะไร ? appeared first on Apex Profound Beauty.

被覆冠(デンタルクラウン)とは

$
0
0

奥歯のクラウンセラミックまたは金属、ジルコニアで出来た歯の全体を覆うように作られる固定式の補綴物です。

虫歯が深くなり神経をとってしまった歯や非常に広範囲にわたる虫歯で充填処置だけでは

不十分な場合の治療法として最も一般的です。

又このクラウンは歯の色や形に問題がある方の審美的治療としても施術されております

なぜクラウン治療必要なのか

コンポジット充填だけでは歯の強度が保てないような広範囲な虫歯や神経まで到達したような深い

虫歯の場合は歯冠が割れたり歯根が破折しないようにクラウンをかぶせる必要があります

以下のような状態場合はクラウン治療が必要です

1.歯の表面のひびや虫歯での破損部が大きい場合

2.咬耗(かみ合わせにより歯がすり減ってしまう事)が酷い場合

3.虫歯はないが以前の治療で充填範囲が大きい場合

4.歯の形が悪いもしくは変色が酷い場合

5.審美的理由

デンタルクラウンの種類

クラウンは歯肉線の上にある歯冠全体を覆うもので

カスタムメイドで作られます。

従来のポーセレン鋳造冠(目に見える部分はポーセレンを使って天然歯の色と形を再現し目に見えない

フレームに金属を使うもの)の他、今主流となっているジルコニアやゴールド、ハイブリッドセラミック、パラジウムといった

様々な素材で作ることができます

  1. オールセラミッククラウンジルコニアクラウン

ceramic crown

ジルコニアはセラミックの一種ですが白いメタルとも呼ばれ従来のセラミックよりも非常に強度が高い材質です。現在では透明感のある天然歯と見劣りしない色と透明感を再現できるようになり最も使用されている材質です。(3M社ラヴァ™、 ノリタケ カタナ®)

2.金属クラウン

dental crownsクラウンに使用される金属には、金やプラチナの含有量が多い合金、

または卑金属合金(たとえば、コバルトクロムおよびニッケルクロム合金)が含まれます。

金属冠は非常に強く、非常に耐久性があります。 金合金はまた、歯肉組織と生体適合性があります。

3.ポーセレン鋳造冠

metal crown目に見えないフレームの部分を金属、目に見える表面の部分をポーセレンで覆うクラウンです。

クラウン処置手順

まずは虫歯の状態を詳しくチェックし専門医と相談しながら患者様のご希望と, どの素材のクラウンが適切か説明していきます。

通常は2回の通院で治療が終了します

一回目の治療で虫歯が取り除き歯をきれいに形成した後に歯型を取ります。

クラウンが出来上がるまでの間は通常1週間ほどでその間患者様には仮のプラスティック製クラウンを

装着します

2回目の来院時に仮のクラウンを外し出来上がったクラウンを調整して装着します。装着後のクラウンはまるで天然歯のように機能します。

装着後注意事項

  • 装着当日は柔らかい食事からスタートしてください
  • 神経治療をしていない歯は稀に知覚過敏を起こします。その場合はしばらく
  • 極端に冷たいものや熱い食事のっみ物を控えてください
  • デンタルフロスを使う場合は上に持ち上げずにスライドさせて外します。上に持ち上げるとクラウンが外れる力が働きます。

デンタルクラウン治療が必要な場合

  • 歯冠にひびが入っている
  • 大きな充填物がある
  • 根管治療後の歯
  • 審美的理由

For more information :

Line@ : http://line.me/ti/p/%40apexmedicalcenter

Why Choose Apex for my new Crown?

は、タイのバンコク(プルンチットとトンロー)とプーケットの主要な場所にあるが運営する一般歯科および美容歯科向け歯科医院です。

在タイ日本人の歯科診療で30年の経験があります。 すべてのクラウンは、安全基準を満たし、最高品質のクラウンを提供する最先端の歯科技工所で製造されています

JCI ACCREDITATIONを受賞(JCIはヘルスケア認定の世界的リーダーであり、品質と患者の安全に関する最も厳しい国際基準の作成者および評価者であり、患者のケアと組織管理のための国際品質基準の承認のゴールドシールとして認識されています)。

トンロー支店では日本語通訳と歯科衛生士歴14年の日本人通訳が居りますので安心してお越しください。

電話番号 02-7138557 , 081-9409974

📩 Inbox : m.me/apexdentalcenter

Line@ : http://line.me/ti/p/%40apexdentalcenter

The post 被覆冠(デンタルクラウン)とは appeared first on Apex Profound Beauty.

Viewing all 2628 articles
Browse latest View live