デンタルインプラントとは

歯科インプラントとは人工歯根とも呼ばれています。喪失歯の代わりとして長く使用できるものです。

インプラントは小さなチタン製で顎骨に直接埋め込むネジ状のものです。

インプラントは喪失歯の代わりとして安定して使用できます

埋め込んだインプラント体の上部にはクラウンやブリッジ又は入れ歯が装着されます。

インプラントで支えられたクラウンやブリッジ入れ歯は他の歯に影響を与えることなく天然歯と

ほとんど見分けがつきません。美しくすぐれた安定性を持つインプラントで噛み応えのある食生活を

過ごすことができます。 

インプラントの種類

通常3タイプの種類があります

1. 同日インプラントは抜歯と同時にインプラントを埋め込む方法です

この方法は治療期間を短縮することができ外科処置を一回で終わらせることができ

患者様の負担が大きく軽減されます。

インプラント体と顎骨が結合するまで3-4か月かかりますが

前歯の場合は仮の歯を装着

いたしますのでご心配は無用です。

2.従来のインプラントは歯が抜けてしまった部位をじんこうしこんで置き換えるものです。専門医がインプラントを埋入してから顎骨とインプラントが結合するまで通常3〜4か月間待機します。

その後、歯型を取ってクラウンがインプラントに装着されます。

歯科インプラントの利点

• 歯科用インプラントは天然歯とほんんど区別がつきません

歯をなくしてしまった方も天然歯に代わる代替として、

自然に見え自分の歯とまったく同じように機能します。

• 喪失した歯が1本だけの場合から、複数歯や全ての歯を失ってしまった場合などのさまざまな目的に使用できます。
• 一般的な義歯やブリッジは歯冠を交換する治療方法ですが歯根を交換するものがなければ、骨の量が少しずつ減って行きます。これは一般的な結果で、顔の皮膚や

口唇の周りの皮膚をたるみを引き起こす可能性があります。

• 隙間を埋めることで、隣接する歯を安定させ、歯周病の原因となる細菌の蓄積を防ぎます

インプラントは歯のすべての部分を置き換え、解剖学的には実際の生きている歯と同じように機能します。 歯科用インプラントは3つの部分で構成されています。

1. フィクスチャー：顎骨に穴をあけて埋め込む部分です。
2. アバットメント：歯肉線に沿って位置する小さな部分であり、置換歯を所定の位置に保持する歯科インプラントの一部です。
3. クラウン：歯の目に見える部分を置き換えるために上部にある部分。 クラウンはアバットメントにセメントで固定されているか、ねじ止めされています。

インプラントの種類

1.喪失歯が１本の場合

2.喪失歯が3本の場合は2本のインプラントでサポートされたブリッジを入れます

3.無歯顎（歯が一本も残っていない場合）の入れ歯固定として使われるインプラント

インプラントの手順

1.コンサルテーション

まず最初にインプラントを固定するのに十分な骨量があることを確認するための歯科X線とCTスキャンを撮影します。そして治療計画を準備する前に、あなたの病歴全体と病状をチェックし手順のステップ、治療完了までの期間を説明します。

2.歯科インプラントの埋入

次にインプラント埋入術になりますチタン製のネジを顎骨に挿入する処置です。処置は通常 約30分〜1時間で終わります。 手術終了後からインプラントが顎骨と結合するまでには3〜4か月かかります。

3.アバットメントとクラウンの配置

組織が治癒したら、歯科医がアバットメントを配置します。このアバットメントとはインプラントにねじ込み、クラウンが取り付けられる部分のことを言います。

最後のステップは、クラウンの装着です。これは、人々が目にする部分であり、実際の歯のように見える部分です。

どういった方がインプラント治療に適しているのでしょうか？

歯科用インプラントは、歯を抜いて咬み合わせに問題を引き起こしている方に適しています。 歯を失うことは誰にでも起こる可能性がありますが、笑ったとき直接見えない奥歯などでも、その影響は想像以上に大きいです。 自然な歯を失うと、顎の骨と周囲の組織が時間とともに吸収または消失し始めます。 インプラントが顎に配置されると、残りの骨が刺激されて金属の周りで成長し、細い血管とともに網目状に形成され、骨の損失を防ぎます。

前歯にインプラントをすることは可能ですか？

もちろんインプラントは可能です。前歯のインプラントは、前歯が失われた場合、または保存できない場合など,自然な歯のように使用できる固定された天然歯の代わりとして機能します。

インプラントは自分に適した治療なのでしょうか？

欠けている歯の代わりにインプラントを使用したいのですが、治療を受ける事が可能かどうかお悩みの皆様はどうか一度ご相談にお越しください。患者様お一人お一人に最良の治療計画を立て

ご納得いただくまで十分なご説明をさせていただきます。

歯科インプラントの費用はいくらですか？

歯科用インプラントは近年ますます人気が高まっており、タイではますます多くの歯科医院が低コストのインプラントを宣伝しています。ただし、長期的には安価な歯科用インプラントを購入しないことを強くお勧めします。最終的には、修理費がさらに高くなる可能性があります。

ニーズと予算に合わせて、さまざまなオプションがありますが本国へご帰国後もしくは第3国へ移動される方々にとってグローバルスタンダードなメーカーのインプラントを使用すればタイを離れても安心してメンテナンスする事ができます。あなたに最も適した選択肢についてご相談を承ります。

エーペックスデンタルでインプラントをする理由

エーペックスデンタルでは、スイスのストローマン社やノーベルバイオケア社、又スウェーデンのアストラテック社などの国際基準を満たす歯科用インプラントを使用しています。歯科用インプラントは現在広く製造されており、多くの形態とブランドがあります。

歯科用インプラントの各ブランドには、異なる特性と仕様があります。私たちの歯科医は、各患者の骨の特性に合わせて最適なインプラントを選択します。

エーペックスデンタルで治療を受けているときは、歯科インプラント手術が確実に成功するように、高度に熟練した専門医が施術を行います。

ご相談のご予約は下記までどうぞ

トンロー店:  081-9409974 , 02-713-8557（日本語でどうぞ＊日本人および日本語通訳常駐）

Inbox: m.me/apexdentalsmilestudio

Line@ http://line.me/ti/p/%40apexmedicalcenter

The post デンタルインプラント appeared first on Apex Profound Beauty.

ปัจจุบันการทำ รีแพร์ ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวสำหรับผู้หญิงอีกต่อไป ทำให้มีผู้หญิงไม่น้อยที่สมัครใจเข้ารับการผ่าตัดเพื่อคืนความกระชับ และตกแต่งจุดซ่อนเร้นให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการผ่าตัดรีแพร์นั้นเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยง และต้องอาศัยการพักฟื้นเป็นเวลานาน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคุณผู้หญิงที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น หรือไม่ต้องการให้ใครทราบว่าตัวเองไปทำรีแพร์ แต่ล่าสุดได้มีเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถช่วยให้การ รีแพร์ เป็นเรื่องง่าย และไม่เจ็บตัวอีกต่อไป เทคโนโลยีที่ว่าก็คือ Vaginal Lift นั่นเองค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการทำรีแพร์ แบบไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ไร้แผล แถมยังไม่ต้องพักฟื้น ด้วยการใช้คลื่นพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน รวมทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะกระชับมากขึ้น ขณะเดียวกัน คลื่นพลังงานที่ถูกส่งเข้าไปก็จะเข้าไปกระตุ้นให้ช่องคลอดสร้างสารหล่อลื่นมากขึ้น ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง และทำให้ช่องคลอดสะอาดขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ อย่างเช่น ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะเล็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะ Vaginal Lift ยังสามารถช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของจุดซ่อนเร้นได้ ทำให้คุณผู้หญิงที่อาจมีน้องสาวที่หย่อนคล้อย และหมองคล้ำกลับมามีน้องสาวที่ดูอ่อนเยาว์ และกระจ่างใสมากขึ้น ซึ่งคุณสาว ๆ จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยที่คุณสาว ๆ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊ะแตกโดนจับได้ว่าไปทำรีแพร์มาอย่างแน่นอน

ได้รู้จักกับเทคโนโลยีดี ๆ อย่าง Vaginal Lift กันไปแล้วก็ขอบอกเลยนะคะว่า ผู้หญิงคนไหนที่รักและอยากดูแลสุขภาพผู้หญิงให้ดีเยี่ยมไม่ควรพลาดเป็นอันขาด เพราะจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของผู้หญิง ถ้าหากจุดซ่อนเร้นมีสุขภาพที่ดีแล้วล่ะก็ สุขภาพโดยรวมของผู้หญิงก็จะดีตามไปด้วยค่ะ

และถ้าหากคุณกำลังมองหาเทคโนโลยี Vaginal Lift อยู่ล่ะก็ ที่ APEX เรามีเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิงให้เลือกอย่างครบครัน อีกทั้งยังมีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำปรึกษา และดูและคุณสาว ๆ ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้หญิงเรากลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง บอกลาการผ่าตัดรีแพร์ที่ต้องเจ็บตัว แล้วหันมาทำรีแพร์แบบใหม่อย่าง Vaginal Lift กันดีกว่าค่ะ แล้วคุณสาว ๆ จะรู้ว่าไม่ต้องเจ็บตัวก็กลับมาฟิตได้ค่ะ !

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post Vaginal Lift รีแพร์ ยุคใหม่ ไม่ต้องเจ็บตัว appeared first on Apex Profound Beauty.

คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่อยากจะประสบกับปัญหา ‘ล่มปากอ่าว’ อย่างแน่นอน เพราะทำให้คุณหนุ่ม ๆ ฟินไม่สุด แถมยังอาจทำให้ความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างคุณผู้ชายกับคนรักจืดจางลงได้อีกด้วย ดีไม่ดีอาจถึงขั้นเตียงหักได้เลยทีเดียว ! แต่จะมีวิธีไหนบ้างไหมที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ และทำให้เรื่องบนเตียงของคุณหนุ่ม ๆ ดียิ่งขึ้นได้

ล่มปากอ่าว หรือที่รู้จักกันอย่างหนึ่งว่า นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ เป็นปัญหาที่คุณผู้ชายไม่สามารถควบคุมการหลั่งได้ ทำให้เกิดการหลั่งเร็ว หรือถึงจุดสุดยอดเร็วจนเกินไป โดยปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ความเครียด นอกจากนี้ยังเกิดจากความรู้สึกทางเพศอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีแก้ไขปัญหา ล่มปากอ่าว หลายกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การปรึกษาจิตแพทย์ การใช้ยา เป็นต้น แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเสริมสร้างความอึดให้กับหนุ่ม ๆ ในการประกอบกิจกรรมบนเตียง และเสริมความสุขให้มากขึ้น บอกลาปัญหาล่มปากอ่าวได้ โดยไม่ต้องเจ็บตัว แถมแค่เพียงนั่งชิล ๆ เท่านั้น

Emsella หรือ เก้าอี้มหัศจรรย์ เทคโนโลยีใหม่เพื่อสุขภาพเพศชาย ด้วยการนำเอาคลื่นพลังงานอิเล็กโทรแม็กเนติกมาใช้เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณ และระบบประสาทที่อุ้งเชิงกราน เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวแข็งแรงขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยให้ระบบประสาทบริเวณดังกล่าวทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพเพศ และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้ แกปัญหาสุขไม่สุด หรือล่มปากอ่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในกระบวนการทำงานของ Emsella นั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-Intensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) จะถูกส่งไปที่บริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดการหดเกร็งมากกว่าการออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน โดยในเวลาเพียง 28 นาทีก็เทียบเท่ากับการออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานถึง 11,200 ครั้ง ผลที่ตามมาหลังจากการทำ Emsella ก็คือ กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะแข็งแรงขึ้น และระบบเส้นประสาทใกล้เคียงทำงานได้ดีขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ สมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายจะดีขึ้นลดปัญหาล่มปากอ่าว และเพิ่มความอึดให้กับหนุ่ม ๆ ได้มีความสุขกับกิจกรรมบนเตียงมากขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะทำเหมือนกับการรักษาแบบอื่น ๆ ที่ผ่านมา

ได้ทราบกันแบบนี้ หนุ่ม ๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมบนเตียงที่สุขไม่สุด หรือล่มปากอ่าวจนคนรักเอือมระอา ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะ Emsella เก้าอี้มหัศจรรย์นี้ช่วยคุณผู้ชายได้แน่นอน รับประกันได้จากผลการวิจัย และการรับรองจากสถาบันระดับโลก ทำให้ผู้ชายกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยที่เสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวอีกต่อไป

และที่ APEX เราเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเอาเทคโนโลยีเก้าอี้สร้างสุข Emsella มาให้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพเพศของท่านชาย โดยมีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลตลอดการรักษา ให้คุณผู้ชายทั้งหลายที่เคยมีปัญหาหนักใจเรื่องสมรรถภาพทางเพศกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้งด้วยเก้าอี้สร้างสุข Emsella จาก APEX ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post บอกลาปัญหา ล่มปากอ่าว เสริมอารมณ์รักให้ลุกเป็นไฟ ด้วย Emsella appeared first on Apex Profound Beauty.

ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ และเต็มไปด้วยการแข่งขัน อาจทำให้คุณสาว ๆ หลายคนลืมที่จะใส่ใจตัวเองเท่าที่ควร โดยเฉพาะเรื่องที่ธรรมดา ๆ อย่างเช่น การเข้าห้องน้ำ ผู้หญิงหลายคนอาจสนใจกับสิ่งที่ทำตรงหน้าจนเผลอ อั้นฉี่ เพราะคิดว่าแค่เพียงครู่เดียวก็คงไม่เป็นอะไร ซึ่งก็มีผู้หญิงหลายคนที่คิดแบบนี้ และสุดท้ายต้องจบลงด้วยปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ อย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรืออาจทำให้ถึงขั้นกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อีกต่อไป และทำลายความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันไปเลยก็มี

แต่ล่าสุด มีนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการดูแลรักษาสุขภาพผู้หญิง ที่สามารถแก้ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จากการ อั้นฉี่ บ่อย ๆ  และปัญหาปัสสาวะเล็ดได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น แถมยังสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นั่นก็คือ เทคโนโลยี Vaginal Lift ค่ะ

Vaginal Lift ทางเลือกใหม่สำหรับผู้หญิงที่ต้องฟื้นคืนความกระชับ แก้ปัญหาสุขภาพผู้หญิง ด้วยการนำเทคโนโลยีคลื่นพลังงานมาใช้เพื่อยกกระชับจุดซ่อนเร้น และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยคลื่นพลังงานจะถูกส่งเข้าไปภายในช่องคลอด และบริเวณอุ้งเชิงกราน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนภายในกล้ามเนื้อ ผลที่ได้ก็คือจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาฟิตกระชับได้ในทันที ทำให้ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ อย่างปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ลดลง และหมดไปได้ นอกจากนี้คลื่นพลังงานยังไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารหล่อลื่นภายในช่องคลอด แก้ปัญหาช่องคลอดแห้งแสบในผู้หญิงได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว Vaginal Lift ยังช่วยในเรื่องของรูปลักษณ์ของจุดซ่อนเร้นได้ด้วยเช่นกัน เพราะคลื่นพลังงานจากเทคโนโลยี Vaginal Lift นั้น สามารถตกแต่งจุดซ่อนเร้นให้กลับมาอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และอิ่มฟูได้อีกครั้ง เหมือนย้อนวัยให้จุดซ่อนเร้นกลับไปสมัยสาว ๆ ได้อีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัดตกแต่งเหมือนการรีแพร์แบบเดิม ๆ อีกต่อไป

ลาขาดปัญหาจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ที่เคยทำให้ขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และกลับมาเป็นคุณคนใหม่ที่พร้อมลุยกับทุกสถานการณ์อีกครั้ง

และถ้าหากคุณสาว ๆ เป็นคนหนึ่งที่ต้องการให้เทคโนโลยี Vaginal Lift ช่วยแก้ปัญหาจุดซ่อนเร้นให้คุณ ที่ APEX เราคือผู้นำด้านเทคโนโลยีสุขภาพผู้หญิง ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงอย่างครบครัน จบทุกปัญหาสุขภาพผู้หญิง พร้อมด้วยทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลคุณสาว ๆ อย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนบอกลาปัญหาความกังวลใจเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น และพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ในทุกวัน กับ Vaginal Lift จาก APEX ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post อั้นฉี่ บ่อย ๆ จนกลั้นไม่อยู่ ต้องแก้ด้วย Vaginal Lift appeared first on Apex Profound Beauty.

เวลา เหงื่อออกมาก เกินไป คุณ ๆ จะรู้สึกยังไงกันบ้างคะ? คงรู้สึกว่าไม่สบายตัว เหนียวเหนอะหนะ อับชื้น จนอาจเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา รู้สึกใช้ชีวิตยุ่งยากในช่วงเวลานั้น ๆ หากเลือกได้คงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เหงื่อออก สำหรับคนปกติทั่วไปเพียงแค่เช็ดออก ตากแอร์ ตากพัดลม อยู่ในที่ร่มอากาศถ่ายเท ก็สามารถช่วยยับยั้งการเกิดเหงื่อได้อย่างสบาย ๆ แล้ว

แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถยับยั้งการเกิดเหงื่อได้ตามต้องการ เพราะร่างกายมีการขับเหงื่อออกมาก เกินไปจนผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ภาวะเช่นนี้ ถือเป็นภาวะผิดปกติทางการแพทย์ ที่เรียกว่า ‘ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ’ หรือ ‘Hyperhidrosis’

จุดเริ่มต้นของ ‘เหงื่อ’

ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน เกิดเป็นกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม (Metabolism) ก็เป็นอีกกระบวนการทำงานที่สำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงอาหารที่เราทานเข้าไปให้เป็นพลังงาน ร่างกายจึงเกิดความร้อน ซึ่งเมื่อร่างกายเกิดความร้อน ร่างกายก็จะมีกลไกในการควบคุมหรือระบายความร้อนนั้น ออกมาในรูปแบบของ ‘เหงื่อ’ เพื่อให้ความร้อนในร่างกายอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากพูดให้ง่ายกว่านั้นคือ ‘การหลั่งเหงื่อ คือการถ่ายเทความร้อนที่เกิดจากกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายออกไป’

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ เหงื่อออกมาก ไปเท่านั้นเอง จะมีอะไรให้กังวลหนักหนา แค่ล้างมือ ล้างหน้า เช็ดให้แห้ง อยู่ในที่เย็น ๆ ก็น่าจะพอแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับชีวิตขนาดนั้น แต่ความคับข้องใจของกลุ่มคนที่ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติมีมากมายกว่านั้นค่ะ อย่างเช่น

• • การที่เหงื่อออกมาก ๆ ทำให้สูญเสียความมั่นใจ เกิดความอับอาย จะรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ เพราะการที่เหงื่อออกมากผิวหนังจะเปียกชื้น และกังวลว่าจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา
  • ในผู้ป่วยบางรายที่เหงื่อออกมือมากเกินไป จะไม่สามารถจับปากกาหรือดินสอเขียนหนังสือได้เลย แม้แต่การจับกระดาษยังรู้สึกว่าทำได้ลำบาก เพราะมือที่ชื้นเหงื่ออาจทำให้กระดาษชื้นเป็นรอยนิ้วมือขึ้นได้ และยังรวมถึงการรู้สึกยุ่งยากที่จะสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
  • การที่เหงื่อออกมากผิดปกติตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า จะทำให้รู้สึกว่าหนาวเย็นได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งการที่ร่างกายเย็นบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นัก

ในตัวอย่างด้านบน จะเห็นว่าการที่มีภาวะเหงื่อออกมาก ผิดปกติ อาจทำให้บางคนความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตประจำวันลดลงไป หรือจะเรียกว่าเป็นตัวขัดขวางวิถีชีวิตเลยก็ว่าได้ ดังนั้น เราลองมาทำความรู้จักกับเจ้าภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) กันเพิ่มดูอีกสักหน่อยนะคะ

ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)

ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ หรือ Hyperhidrosis คือ ภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกมามากเกินไปอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบใด สภาวะการณ์แบบไหนเหงื่อก็สามารถขับออกมาได้แทบตลอดเวลา ซึ่ง Hyperhidrosis เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากกรรมพันธุ์ ความผิดปกติของระดับฮอร์โมน ความบกพร่องของระบบประสาท อาการเจ็บป่วยบางอย่าง รวมถึงผลข้างเคียงของการรับประทานยาบางชนิดด้วย

โดยภาวะ เหงื่อออกมาก ผิดปกตินี้ เกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย พบมากในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ซึ่งเหงื่อที่ถูกขับออกมาจะเกิดเฉพาะส่วนของร่างกาย มักเป็นบริเวณที่มีท่อนำของต่อมเหงื่ออยู่มาก เช่น ไรผม ฝ่ามือ รักแร้ ฝ่าเท้า เป็นต้น

ประเทศไทยอยู่ในภูมิภาคที่มีสภาพอากาศร้อน แสงแดดจัด (แทบทุกฤดู) เวลามีเหงื่อออกเยอะจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ทำให้หลายคนละเลยที่จะสังเกตความผิดปกติของร่างกาย แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเหงื่อออกแบบไหนเป็นภาวะผิดปกติ ในเมื่อเราต้องอยู่ท่ามกลางเมืองร้อนแดดแรงทุกวัน เหงื่อออกตอนอยู่กลางแดดอาจดูได้ยากว่าผิดปกติหรือไม่

ดังนั้น ให้ลองสังเกตตัวเองเวลาอยู่ในที่ร่มค่ะ ไม่ว่าจะในห้องแอร์ ในสถานที่ที่มีลมพัดอากาศถ่ายเทสะดวก หรือไม่ว่าจะในสภาพอากาศแบบใด แล้วพบว่ายังมีอาการ เหงื่อออกมาก ตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไรผม รักแร้ มากพอ ๆ กับเวลาที่ต้องตากแดด ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกร้อนอบอ้าวมากนัก ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ก่อนเลยว่า คุณอาจจะกำลังเผชิญกับภาวะ เหงื่อออกมาก ผิดปกติ หรือ Hyperhidrosis อยู่ก็เป็นได้ อย่ามัวรีรอที่จะเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ หากพบว่ามีภาวะผิดปกติจริง ๆ จะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้อง

วิธีการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะสาเหตุการเกิดในแต่ละเคสจะแตกต่างกันไป ซึ่งวิธีการรักษาหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 แนวทาง คือ รักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด และรักษาแบบใช้การผ่าตัด 

• • การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด จะมีอยู่หลายวิธีการ ตั้งแต่การใช้ยาทาเฉพาะที่, การใช้ยาระงับเหงื่อ, การใช้คลื่นไมโครเวฟ, การฉีดโบท็อกซ์ เป็นต้น
  • การรักษาแบบใช้การผ่าตัด วิธีนี้หลายคนพอได้ยินแล้วคงแอบมือชื้นเหงื่อเลยใช่ไหมคะ สำหรับการผ่าตัดนั้นจะเป็นวิธีการสุดท้ายที่แพทย์แนะนำให้รักษา หากใช้วิธีการรักษาอื่นใดแล้วไม่ได้ผลค่ะ ซึ่งจะเป็นการผ่าตัดเพื่อจี้ทำลายปมประสาทบริเวณที่ไปกระตุ้นการหลั่งเหงื่อนั่นเอง

ทั้งนี้ การรักษาในทุกวิธีข้างต้นจะต้องอยู่ในการดูแล แนะนำ ควบคุม รักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ

ถือเป็นเรื่องโชคดีมาก ๆ สำหรับคนในยุคนี้นะคะ ที่มีตัวเลือกในการรักษาให้มากกว่าการต้องผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ยิ่งคุณเลือกรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์ คุณก็ไม่ต้องเสียเวลาในการรักษามากมายนัก แถมยังไม่เสียเวลาพักฟื้นด้วยค่ะ เดินเข้าไปฉีดแปปเดียวก็ออกมาใช้ชีวิตปกติได้เลย

ฉีดโบท็อกซ์ ลดเหงื่อได้จริงหรือ

‘โบท็อกซ์’ คำนี้เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหู และอีกหลายคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี โบท็อกซ์ หรือ Botox ที่คนนิยมเรียกกันจนติดปากนั้น เป็นชื่อทางการค้าผลิตภัณฑ์สารลดเลือนริ้วรอย โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A) ของบริษัทอัลเลอร์แกน (Allergan, Inc.) โดยโบท็อกซ์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปใบหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในวงการเสริมความงามของประเทศไทยมานานกว่า 20 ปีแล้ว จนคนส่วนใหญ่เวลาได้ยินคำว่าโบท็อกซ์ มักจะเข้าใจไปว่าถูกผลิตมาเพื่อความสวยความงามเพียงอย่างเดียว

แต่ที่จริงแล้วโบท็อกซ์ หรือสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ ถูกสกัดขึ้นครั้งแรกเพื่อการรักษาทางการแพทย์ เช่น อาการตาเหล่ ตาเข ตาปิดเกร็ง การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการเจ็บปวดหรืออักเสบของกล้ามเนื้อ รวมถึงยับยั้งการหลั่งของเหงื่อ ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อใช้ในการระงับภาวะ เหงื่อออกมาก

ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยยับยั้งการเกิดเหงื่อได้ยังไง

การฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ คือ การที่แพทย์จะใช้ตัวยาโบท็อกซ์สะกิดเข้าไปทั่ว ๆ บริเวณที่มีปัญหา เหงื่อออกมาก เช่น รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และไรผม เป็นต้น เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อใกล้กับต่อมเหงื่อ ทำให้กล้ามเนื้อบีบรัดน้อยลง ซึ่งส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลงด้วย

หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อไป 2-3 วันจะเห็นได้ชัดว่าเหงื่อในบริเวณที่มีปัญหาลดน้อยลง เห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1 สัปดาห์ อาจจะมีรู้สึกระบมบ้างเล็กน้อย เพราะการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ เป็นการฉีดทั่ว ๆ บริเวณที่มีปัญหา แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ก่อนเข้ารับการรักษาแพทย์จะแปะยา และในระหว่างรักษาจะมีการประคบเย็นให้เป็นระยะ ๆ ซึ่งการแสดงผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อนี้ จะอยู่ได้นาน 8-12 เดือน

การมีเหงื่อออกมากจากภาวะผิดปกติของร่างกาย ไม่ใช่ความผิดของคุณค่ะ อย่าปล่อยให้การมีเหงื่อออกมากผิดปกติทำให้ตัวเองโดนดึงความมั่นใจไปจนหมดเลยค่ะ รู้ก่อน รักษาไว จะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้งนะคะ

หากคุณมี เหงื่อออกมาก ตามมือ เท้า รักแร้และบริเวณอื่น ๆ มากเกินไป ต้องการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อหรือยังไม่แน่ใจว่าโบท็อกซ์ลดเหงื่อจะสามารถช่วยให้อาการเหงื่อออกเยอะของคุณดีขึ้นหรือไม่ สามารถขอเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเอเพ็กซ์ได้ทุกสาขานะคะ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมและจองคิวแพทย์ได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า)

The post สยบ เหงื่อ ด้วย โบท็อกซ์! appeared first on Apex Profound Beauty.

1. Zlipo มีหัวเครื่องมือ Cup ขนาดลึก ใหญ่กว่า มีหลายขนาด ครอบคลุมทุกพื้นที่การรักษา ดูดเซลล์ไขมันได้ปริมาณเยอะกว่า ลดจำนวนในการรักษา
Zlipo ถูกดีไซน์มาให้มีขนาดหัว Cup ที่ลึกกว่าใหญ่กว่าแบรนด์อื่นๆเพื่อที่สามารถดูดปริมาณไขมันได้จำนวนมาก และสลายได้เยอะที่สุดในครั้งเดียว คนไข้จะประหยัดเวลาในการรักษาและเห็นผลทันใจในคราวเดียว เหมาะมากสำหรับคนไข้ที่มีบริเวณไขมันเยอะ หรือ ผู้ที่ไม่อยากต้องดูดหลายจุด

2. Zlipo สามารถทำสองตำแหน่งได้พร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลาในการรักษา
เครื่องสามารถตั้งค่าได้หลากหลาย สามารถปรับแรงดูดได้ถึง 10 ระดับ ตั้งอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 5 ถึง -10 องศา เพื่อตอบสนองปัญหาของคนไข้นั้นๆ ซึ่ง -10 องศานี้เป็นอุณหภูมิที่ทางการแพทย์แนะนำว่าปลอดภัย และที่สำคัญ Zlipo สามารถทำสองตำแหน่งได้พร้อมกัน เช่นบางคนไข้อยากลดหน้าท้องไปพร้อมกับลดต้นขา ทั้งนี้ก็เพื่อการลดสัดส่วนแบบเร่งด่วนและเพื่อประหยัดเวลาในการรักษาอีกด้วย

3. Zlipo มีระบบการนวดก่อนและหลัง ช่วยให้ไขมันคลายตัว“ลดความเจ็บ”
เพราะ การดูดค้างทำให้ผิวเกิดการช้ำหลังทำได้ง่ายกว่า Zlipo จึงมีระบบดูดคลายเปรียบเสมือนบการนวดผิวและเซลล์ไขมัน เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการสลายไขมันและเพื่อให้เซลล์ไขมันเรียงตัวสวยงามและถูกดูดขึ้นมาให้เยอะที่สุด ด้วยเหตุผลนี้สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างทำและความช้ำหลังทำได้เป็นอย่างดี สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เลย โดยไม่ต้องมีการพักฟื้นใดๆ

4. Zlipo ใช้พลังงานความเย็นจุดเยือกแข็ง ด้วยพลังดูดผสาญ 2 เทคนิค
Zlipo ใช้พลังแบบ Cooling & Vacuum ความเย็นพลังสุญญากาศเทคนิคพิเศษเย็นทั่วถึง ทำให้หัวติดเเน่น ดูดเนื้อได้มากกว่าแต่เจ็บน้อยกว่า เพราะ Cup หรือหัวความเย็นพลังสูญญากาศที่ดีไซน์มาเฉพาะเพื่อให้หัวเครื่องมือติดผิวแน่น Zlipo จึงทำให้คนไข้รู้สึกสบายระหว่างการรักษาไม่ต้องกังวลว่าหัว Cup จะหลุด โดยไม่ต้องใช้สายรัดและไม่เสียเวลาโดยไม่จำเป็น โดยระหว่างทำคนไข้สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูทีวี ใช้ชีวิตได้ปกติระหว่างทำ จะไอ จาม ก็ไม่ต้องกังวล

5. Zlipo เทคโนโลยีจากเยอรมัน มาตรฐานยุโรป ผู้เชียวชาญด้านความเย็นมากกว่า 50 ปีและมีงานวิจัยรองรับ
ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีของบริษัท Zimmer MedizineSysteme ผู้นำด้านความเย็นจากประเทศเยอรมัน ผู้ผลิตเครื่องเป่าลมเย็น Cryo 6 ที่ใช้ในมาตรฐานโรงพยาบาลชั้นนำทั่วโลก และห้องทำความเย็น -110 องศา ICE LAB ที่ APEX เราก็มีให้บริการนั้นโด่งดังมากในยุโรป และตอนนี้ผลิตภัณฑ์ล่าสุด Zlipo คือเครื่องสลายไขมันล่าสุดและดีที่สุดของบริษัท Zimmer ซึ่งได้รับมาตรฐาน TUV:SUD และมาตรฐาน CE ย่อมาจาก European Conformity หรือมาตรฐานรับรองความปลอดภัยจากยุโรป การันตรีคุณภาพ
.
Zlipo ตอบโจทย์ทุกรูปร่าง ให้ออกมาสมบูรณ์ในแบบฉบับของตัวคุณ มั่นใจด้วยทีมแพทย์ APEX และ ทีมงานผู้ชำนาญเรื่อง Body กับประสบการณ์กว่า 25 ปี “ไม่ต้องหุ่นดี ให้เหมือนใคร แค่ใส่ชุดไซส์เดิมได้ อย่างมั่นใจก็พอ” Apex Slim ตอบโจทย์ทุกไซส์

#ZlipoApexSlim
#ApexSlim

…………………………

อยากหุ่นดี ปรึกษาเรา 

095-102-8585

https://line.me/ti/p/%40APEXslim

FB INBOX: http://m.me/apexslim

FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim/

The post เหตุผลที่ Zlipo ดีและแตกต่างกว่า การกำจัดไขมันด้วยความเย็นทั่วไป appeared first on Apex Profound Beauty.

เรื่องของการ ดึงหน้า หลาย ๆ คนอาจมองว่าค่อนข้างไกลเพราะมีความรู้สึกว่าน่ากลัว และยังถูกเข้าใจผิดมาตลอดว่ามีเพียงคนอายุเข้าเลข 5 แล้วเท่านั้นที่จะสนใจในเรื่องของการดึงหน้า แต่ความเป็นจริงแล้วมีหลายคนที่อายุเริ่มเข้าเลข 3 ที่เลือกใช้เทคนิคดึงหน้าในการช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง ซึ่งเทคนิคที่เรียกได้ว่ากำลังเป็นที่สนใจเพราะมาไกลจากเกาหลี แผลเล็ก เจ็บน้อย ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ ซึ่งความแตกต่างของการดึงหน้าทั้งสองแบบเป็นอย่างไร เรามีเรื่องของการดึงหน้ามาฝากกันค่ะ

การดึงหน้าในแบบเดิม ๆ 

คนที่จะเลือกการดึงหน้าเป็นการแก้ปัญหาบนใบหน้านั้นมักจะเป็นคนที่มีปัญหาใบหน้าย่อยคล้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยวิธีการทำนั้นเป็นการผ่าตัดเปิดบริเวณหน้าหูด้านหนึ่งเปิดไล่ไปตามไรผมไปจนถึงหน้าหูอีกข้างหนึ่งแล้วจึงดึงผิวหนังขึ้นเพื่อยกกระชับแล้วตัดหนังบริเวณส่วนเกินออก แล้วค่อยเย็บผิวหนังเพื่อยึดเอาไว้ ซึ่งจะทิ้งรอยแผลให้เห็น ในบางรายอาจเป็นแผลเป็นได้ เมื่อใช้เทคนิคนี้ในการดึงหน้าอาจก่อให้เกิดความบวมช้ำบริเวณใบหน้าค่อนข้างมากและใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างนานกว่าใบหน้าจะเข้าที่

เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด

ปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีมากมายที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในด้านนี้ ซึ่งเทคนิคใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเกาหลีในการยกคิ้วและหน้าผากโดยใช้เทคนิคการส่องกล้องร่วมกับหมุดทางการแพทย์ชนิดพิเศษเพื่อยึดดึงบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดนี้จะยกระดับคิ้วและหน้าผากได้มากกว่า 5 มิลลิเมตร ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติในแบบที่เป็นคุณเอง โดยไม่รู้สึกว่าหลอกสายตา และยังคงอยู่ได้ถึง 5-7 ปี การใช้เทคนิคดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดนี้นอกจากจะช่วยยกคิ้วและหน้าผากแล้ว เทคนิคนี้ยังช่วยให้เรื่องของการแก้หนังตาตกได้อย่างตรงจุด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นน้อยกว่าการผ่าตัดดึงหน้าในแบบเดิม ๆ ไม่ทิ้งสารหรือสิ่งตกค้างในร่างกาย เพราะหมุดทางการแพทย์ชนิดพิเศษนี้จะสามารถย่อยสลายได้เอง เมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้ว หลีกเลี่ยงปัญหาการหดรั้งของเนื้อเยื่อหลังจากการผ่าตัดได้อีกด้วย

ใครที่ยังลังเลใจเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม หรือสนใจในเรื่องการส่องกล้องปักหมุดก็ไม่ต้องนั่งกุมขมับกันอีกต่อไป ซึ่งที่ APEX เรามีเทคโนโลยีดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำ และช่วยเปลี่ยนแปลงตัวคุณให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะเรามีห้องผ่าตัดมาตรฐานระดับสากล และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้รับมาตรฐานระดับสากล จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวังที่คุณต้องการแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ ศัลยกรรมเทคนิค ดึงหน้า ส่องกล้องปักหมุด

โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurger

The post ดึงหน้า ในแบบเดิม ๆ VS ดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด เทคนิคใหม่จากเกาหลี appeared first on Apex Profound Beauty.

ถ้าพูดถึงการทำศัลยกรรมยอดฮิตและเป็นการทำศัลยกรรมที่เริ่มทำแล้วเห็นผลได้อย่างชัดเจน คงจะหนีไม่พ้นการทำศัลยกรรมเสริมจมูก หลายคนเลือกการ ทำจมูก เป็นสิ่งแรก ๆ ที่เลือกจะทำเพื่อปรับเปลี่ยนใบหน้าให้เป็นตามที่ตั้งใจไว้ บางคนมีปัญหาในเรื่องรูปทรงของจมูกหรือขนาดหรือบางคนที่มีปัญหาว่ารูปทรงไม่สวย จมูกดูใหญ่และเกิดความกังวลใจว่าจะต้องแก้ปัญหาอย่างไรให้ดูดีได้อย่างใจหรือดูอย่างไรว่าตัวเองนั้นเรียกได้ว่า จมูกใหญ่ หรือเปล่า วันนี้เรามีเรื่องของจมูกมาฝากกันค่ะ

จมูกบาน จมูกใหญ่ เรื่องปวดใจของใครหลายคน

เรื่องของจมูกนั้นอาจมีหลาย ๆ คนที่ยังสงสัยว่าแล้วแบบไหนนะที่เรียกว่าเป็นคนจมูกบาน จมูกใหญ่นั้นมีลักษณะอย่างไรกันบ้างนะ

“จมูกใหญ่ จมูกโต” หรืออีกชื่อที่หลาย ๆ คนรู้จักและเรียกกันว่าจมูกชมพู่เป็นจมูกที่บริเวณปีกจมูก ปลายจมูกนั้นมีเนื้อหรือไขมันอยู่เยอะเกินไป ทำให้ทรงจมูกดูใหญ่คล้ายกับรูปทรงของลูกชมพู่นั้นเอง บางคนจะรู้สึกว่าจมูกนั้นจะกลืนไปกับใบหน้าเวลายิ้มกว้าง ดูไม่มีมิติและขาดความมั่นใจได้ เป็นผลให้หลาย ๆ คนมองหาวิธีแก้ปัญหาให้ตรงจุด คนที่กลัวเจ็บอาจเลือกการแต่งหน้าเพื่อปรับแต่งรูปทรงจมูกให้ดูดี แต่บางคนนั้นรู้สึกว่าอยากแก้ปัญหาให้จบในครั้งเดียว และการทำจมูกคือหนึ่งในทางเลือกที่ช่วย ปัจจุบัน คลีนิคมากมายได้มีเทคนิคในการทำจมูกให้ได้เลือก แต่ในวันนี้เรามีเทคนิคใหม่ล่าสุดจากเกาหลีที่ช่วยแก้ปัญหาทุกเรื่องของจมูกได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีชื่อว่า เทคนิคกระดูกอ่อนละเอียดในการเสริมจมูก

Ultrafine diced cartilage เทคนิคกระดูกอ่อนละเอียด

การให้เทคนิคเสริมจมูกกระดูกอ่อนละเอียดเป็นการนำเอาผิวชั้นนอกของกระดูกซี่โครงมาผ่านกรรมวิธีเพื่อให้ได้กระดูกอ่อนที่มีอนุภาคเล็กเพื่อมาใช้ขึ้นเป็นโครงก่อนจะตกแต่งให้เป็นทรงตามที่ต้องการ การใช้เทคนิคกระดูกอ่อนละเอียดนี้เป็นเทคนิคพิเศษที่มีที่ Apex ที่เดียวเท่านั้น ในการเสริมจมูกแบบนี้จะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้จากภายในร่างกายเนื่องจากเป็นการนำเอาวัสดุตัวเองมาใช้ในการเสริมจมูกซึ่งจะแตกต่างจากการใช้ซิลิโคน เนื่องจากการใช้ซิลิโคนในการเสริมจมูกนั้นอาจเกิดปัญหาในด้านอาการต่อต้านจากร่างกาย อาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเสริมจมูก และเมื่อเสริมจมูกแล้ว ร่างกายจะไม่เกิดการต่อต้านเนื่องจากอนุภาคเล็กของกระดูกอ่อนจะสมานกันจนกลายเป็นกระดูกอ่อนถาวร ทำให้ไม่เกิดอาการบีบรั้งจนจมูกเชิดสูง ดูเป็นทรงธรรมชาติแน่นอน

ในกรณีที่เสริมโครงสร้างภายในแล้วและต้องการตกแต่งรูปทรงของจมูกให้เข้ารูปสามารถเลือกใช้วิธีการตัดปีกจมูกเพื่อเก็บทรงจมูกให้เป็นไปตามต้องการ ซึ่งการตัดปีกจมูกที่ Apex มีเทคนิคในการซ่อนรอยแผลได้อย่างเป็นธรรมชาติสามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกด้วยเทคนิคกระดูกอ่อนละเอียดได้อีกด้วย

ซึ่ง APEX เป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่ใช้เทคนิคกระดูกอ่อนละเอียดในการเสริมจมูก โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา และคำแนะนำในการเสริมจมูก ซึ่งเรียกได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมเพราะทรงสวยได้รูปตามที่ต้องการ อีกทั้งห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานระดับสากล จึงมั่นใจได้ว่าทาง APEX จะช่วยดูแลทางลูกค้าให้ได้รูปทรงจมูกที่เป็นธรรมชาติ แก้ไขปัญหาที่กวนใจได้อย่างตรงจุดแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เสริมจมูก แก้ จมูกใหญ่ ทำจมูก 
โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurgery

The post จมูกใหญ่ เสริมอย่างไรให้ดูดี appeared first on Apex Profound Beauty.

สุขภาพร่างกายนับเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดการเอาใจใส่ไม่ได้ เพราะหากปล่อยให้ร่างกายถูกโจมตีด้วยโรคภัยไข้เจ็บแล้ว นอกจากจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง ก็ยังทำให้เสียเงิน เสียเวลา และเสียโอกาสที่อาจจะเข้ามาได้ และด้วยเหตุนี้เราจึงต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ แต่ในบางครั้งการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือบรรดาวิตามินอาหารเสริมก็อาจให้ผลได้ไม่รวดเร็วพอ จนอาจทำให้ ไวรัส ตัวร้าย และบรรดามลพิษมาจู่โจมจนร่างกายเจ็บป่วยได้

ถ้าหากคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และห่างไกลความเจ็บป่วยจาก ไวรัส และเชื้อโรคต่าง ๆ อยู่ในตอนนี้ IV Drip คือทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพ ด้วยการให้สูตรวิตามินสุดเข้มข้นที่จำเป็นต่อร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ผ่านกระบวนการใด ๆ ของร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการดูแล หรือฟื้นฟูสุขภาพแบบเร่งด่วน และไม่อยากรับประทานอาหารเสริมติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ

IV Drip นวัตกรรมการดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยคอกเทลวิตามินที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญว่าปลอดภัย และมีปริมาณวิตามินที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ ช่วยให้คุณสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้แบบทันตาเห็น โดยไม่ต้องรับประทานวิตามิน หรืออาหารที่ว่ากันว่าเต็มไปด้วยวิตามิน ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

และที่ APEX เรามีสูตรการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip มากมายหลายสูตรให้คุณเลือกสรรเพื่อดูแลสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกันให้ไกลจากไวรัส และอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างเสริมผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่งสดใสแบบสุขภาพดีได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

• Rejuvenate สูตรการฟื้นฟูสุขภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยพักฟื้น ผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องทำงานหนัก จนไม่มีเวลาพักผ่อน สูตรนี้จะช่วยให้สุขภาพที่เคยอ่อนแอ อ่อนแรงค่อยดี ๆ ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
• Super C สูตรการดูแลสุขภาพที่จะช่วยฟื้นคืนความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยชะลอวัย เสริมสร้างผิวให้สวยสดใส อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย
• Celebrity Secret สูตรการดูแลสุขภาพเพื่อผิวสวย เปล่งประกาย ด้วยสูตรวิตามินที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยเสริมให้การทำทรีตเม้นท์ผิวต่าง ๆ ได้ผลที่ดีและยาวนานยิ่งขึ้น จึงมั่นใจได้ว่าทำแล้วจะมีผิวที่สวยดั่งใจฝันแน่นอน

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสูตรการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip ที่จะช่วยให้คนที่ต้องการดูแลสุขภาพและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ฉะนั้นถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีก็อย่ารอช้า เพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ให้ IV Drip จาก APEX ช่วยดูแลคุณดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสุขภาพที่เสียไปยังไงล่ะคะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post รักสุขภาพ อย่างปล่อยให้ไวรัสมาเยือน เสริมภูมิต้านทานด้วย IV Drip appeared first on Apex Profound Beauty.

คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากให้ตัวเองเกิดปัญหา ‘หลวม’ เพราะนอกจากจะทำให้ขาดความมั่นใจแล้ว ยังทำให้กิจกรรมบนเตียงไม่แซ่บเหมือนเก่า และอาจเป็นสาเหตุของปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักได้ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะความ ‘หลวม’ ของช่องคลอดนั้นยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้หญิงอีกด้วย ดังนั้นผู้หญิงเราจึงไม่ควรละเลยเรื่องของจุดซ่อนเร้น ความฟิตกระชับเป็นอันขาดค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการดูแลและรักษาความกระชับของจุดซ่อนเร้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนามากขึ้น ทำให้การแก้ปัญหาความกระชับของจุดซ่อนเร้นนั้นสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดรีแพร์แบบเดิม ๆ อีกทั้งยังสามารถทำเมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นเสียก่อน โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาความกระชับให้กับจุดซ่อนเร้นนั้นเป็นเทคโนโลยีคลื่นพลังงานที่มีชื่อว่า Vaginal Lift ค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีใหม่เพื่อการดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ด้วยการนำเอาคลื่นพลังงานมาใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ช่องคลอด อีกทั้งยังช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกต่อไปค่ะ

ทั้งนี้ในการทำงานของ Vaginal Lift คลื่นพลังงานจะถูกส่งเข้าไปภายในกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานผ่านทางหัวอุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งคลื่นพลังงานจะเข้าไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณโดยรอบไม่ว่าจะเป็นช่องคลอด และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ผลที่ได้ก็คือกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับพลังงานจะกระชับขึ้นภายในทันที และช่วยแก้ปัญหาอันไม่พึงประสงค์ อาทิ ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะเล็ด เป็นต้น นอกจากนี้คลื่นพลังงานดังกล่าวยังสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดสร้างสารหล่อลื่นภายในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นมากขึ้น แก้ปัญหาช่องคลอดแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 

ขณะที่การตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของจุดซ่อนเร้น ก็ยังมีหัวอุปกรณ์ที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อใช้ในการตกแต่งจุดซ่อนเร้นภายนอกให้อ่อนเยาว์ กระจ่างใสได้ สาว ๆ จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ คืนความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้ในทันทีหลังจากทำ แถมคุณผู้ชายที่บ้านก็จับไม่ได้อีกด้วยล่ะค่ะว่าแอบไปทำมา เริศสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ

และถ้าหากคุณกำลังมองหาเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ทำโดยทีมแพทย์มืออาชีพอยู่ล่ะก็ ที่ APEX เรามีเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสุขภาพผู้หญิง พร้อมทั้งยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลตลอดการรักษา เพื่อที่คุณสาว ๆ จะได้มั่นใจว่าจะไม่กลับไป ‘หลวม’ อีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post ระวัง ! ผู้หญิง อย่าปล่อยให้ หลวม appeared first on Apex Profound Beauty.

ภูมิคุ้มกัน นับเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพของทุกคน เพราะการมีภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยให้ปลอดภัยจากอาการป่วยไข้ที่เกิดจากเชื้อโรค และไวรัสต่าง ๆ ได้ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ควรละเลยเรื่องการดูแล และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งขอบอกเลยค่ะว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลย เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง และวันนี้เราขอหยิบเอา 3 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายห่างไกลจากโรคภัยมาฝากกันค่ะ ไม่อยากป่วยล่ะก็ ต้องทำตามนี้เลย

1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อน เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ควรเอาใจใส่ เพราะการพักผ่อนที่เพียงพอนั้นจะช่วยให้ร่างกายของเราทำงานได้เป็นปกติ และเมื่อร่างกายของเราทำงานได้เป็นปกติก็จะช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ในทางกลับกันถ้าหากนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการนอนหลับไม่มีประสิทธิภาพ ผลที่ตามมาก็คือร่างกายจะเกิดการสร้างฮอร์โมนที่ทำให้การทำงานผิดปกติ ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลง และเจ็บป่วยได้ในที่สุด ดังนั้นถ้าอยากมีสุขภาพแข็งแรง ภูมิคุ้มกันที่ดี ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 – 9 ชั่วโมงจะดีที่สุด เพื่อตัวคุณเองค่ะ

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญกับร่างกาย แถมอาหารที่เราเลือกจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงอีกด้วย เพราะเหตุนี้เองเราจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงไขมันที่ไม่ดี และแป้งที่ผ่านการขัดสี เพิ่มไฟเบอร์ โปรตีน ไขมันดี และอาหารที่มีวิตามินซี ก็จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ด้วยก็จะยิ่งดีมากเลยล่ะค่ะ เพราะทั้ง 2 อย่างนี้คือตัวการทำลายภูมิคุ้มกันเลยก็ว่าได้เลยล่ะ

3. เสริม ภูมิคุ้มกัน ด้วยวิตามินเข้มข้น

สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองเท่าที่ควร การเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินเข้มข้น ถือเป็นวิธีใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทันทีที่ได้รับวิตามินเข้มข้นเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซึมไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ผ่านกระบวนการอื่น ๆ ของร่างกายเหมือนกับการรับประทานทางปาก ซึ่งจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันได้รับการเสริมสร้างอย่างรวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่พักผ่อนน้อย หรือเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย หรือคนที่ต้องการมีสุขภาพดีแบบเร่งด่วนค่ะ

ทั้งนี้ในการดูแลสุขภาพด้วยวิตามินเข้มข้น หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า IV Drip เป็นการให้วิตามินในระดับเข้มข้นเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยในปัจจุบันก็มีการพัฒนาสูตรวิตามินเข้มข้นเพื่อให้ตรงตามความต้องการของคนนักสุขภาพ ซึ่งที่ APEX เราก็มีสูตร IV Drip มากมายหลายสูตร อาทิ สูตร Super C ที่เน้นเรื่องการดูแลสุขภาพ และเสริมภูมิคุ้มกันเป็นหลัก หรือจะเป็น สูตร Rejuvenate ซึ่งเป็นสูตรคอกเทลวิตามินที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม เรียกได้ว่าแค่ 2 สูตรนี้ก็สามารถช่วยบูสท์สุขภาพให้กลับมาดีได้โดยไม่ต้องเสียเวลากินอาหารเสริมอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ

ได้ทราบกันแบบนี้แล้วก็อย่ารอช้านะคะ เพราะว่าเรื่องของสุขภาพนั้น เป็นเรื่องที่รอไม่ได้เลยล่ะค่ะ ยิ่งช้าก็ยิ่งเสี่ยงกับอาการเจ็บป่วย รีบมาดูและสุขภาพด้วยสูตรการดูแลสุขภาพสุดเข้มข้นที่ APEX กันดีกว่านะคะ เรามีทีมเพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลคุณ ให้คุณมั่นใจว่าสุขภาพดี ห่างไกลไวรัส จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post 3 วิธีเสริม ภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัส appeared first on Apex Profound Beauty.

ถ้าหากใครที่ไม่เคยเจอกับปัญหาผมบาง ก็คงไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่น่าปวดใจ แถมยังสร้างความกังวลให้กับคนที่มีปัญหานี้ค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะต้องดูแลเส้นผมที่เหลือให้ดีแล้ว ก็ต้องมาคอยระแวงไม่ให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าเดิม แถมยังต้องคอยหาวิธีในการจัดแต่งทรงผมให้ดูว่าผมไม่บางอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีใหม่ที่ได้รับความสนใจ เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยให้ผมดูหนาขึ้นได้ นั่นก็คือ ‘สักไรผม’ นั่นเอง

การสักไรผม เป็นการสักสีที่มีเฉดสีใกล้เคียงกับเส้นผมธรรมชาติลงไปบนหนังศีรษะ หรือบริเวณไรผมเพื่อให้ดูว่ามีผมที่หนาขึ้น นิยมในกลุ่มคนที่มีปัญหาผมบาง หรือหน้าผากเถิกกว้าง เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยปกปิดปัญหาผมบาง และศีรษะล้าน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการสักไรผมนั้น เป็นเพียงวิธีการแก้ที่ปลายเหตุ และให้ผลไม่ถาวรอีกด้วย เนื่องจากสีที่ใช้นั้นจะคงทนอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 ปี เท่านั้น หากล้าง ทำความสะอาดหนังศีรษะบ่อย ๆ ก็อาจทำให้สีค่อย ๆ จางลงหรือหลุดไปได้ ทำให้ต้องกลับไปสักซ้ำซึ่งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการสัก หรืออาการแพ้สีที่ใช้สักได้

ดังนั้นหากคิดจะแก้ปัญหาผมบาง หรือศีรษะล้าน ควรเลือกวิธีที่ให้ผลถาวรจะดีกว่า โดยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีในการแก้ไขปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ นอกจากนี้การปลูกผมก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาสั้น ๆ และผลลัพธ์ค่อนข้างถาวรกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ที่เคยผ่านมา

ทั้งนี้เทคนิคการปลูกผมที่มีอยู่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนเกิดเป็นหลากหลายเทคนิค ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่วิธีที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการปลูกผมเทคนิค FUE ซึ่งเป็นการปลูกผมแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น ต่างจากการปลูกผมแบบเดิม ๆ ที่เป็นการผ่าตัดที่ต้องพักฟื้น แถมยังทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ในภายหลังอีกด้วย

และที่ APEX เราได้นำเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE มาพัฒนาไปอีกขั้นเป็น Advanced FUE หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Robot Hair Transplant การปลูกผมด้วยแขนกล ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ผสานเอาความเชี่ยวชาญของแพทย์ และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ผลที่ได้ก็คือการปลูกผมที่มีความแม่นยำมากขึ้น เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะมีความแข็งแรง ดกดำ แน่น และดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ที่ APEX เรายังนำเทคโนโลยี Laser Hair Growth มาใช้เพื่อช่วยกระตุ้น และบำรุงเส้นผมให้ที่ปลูกให้แข็งแรงมากขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการปลูกผมแบบเดิม ๆ ที่ผ่านมา

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมบาง และศีรษะล้านติดตัวคุณไปอีกเลยค่ะ บอกลาการ สักไรผม ที่ไม่ถาวรแล้วหันมาแก้ปัญหาการปลูกผมด้วยแขนกล คืนความมั่นใจ และบุคลิกภาพให้คุณอีกครั้งด้วย Robot Hair Transplant จาก APEX ค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม และประเมินกราฟ โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

The post สักไรผม เจ็บแต่ไม่จบ แถมแก้ผมบางไม่ได้ ! appeared first on Apex Profound Beauty.

เลเซอร์กำจัดขนถาวร วิธีการกำจัดขนที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก เพราะเป็นหนึ่งในทรีทเม้นต์ยอดการดูแลตัวเองนิยมของคนในยุคนี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่คิดว่าการมีผิวที่เรียบเนียนไร้เส้นขนรักษาความสะอาดได้ง่ายกว่าการที่ยังมีเส้นขนอยู่ และการกำจัดขนด้วยการโกน ถอน แว็กซ์ แม้จะช่วยกำจัดขนได้ก็ให้ผลได้แค่ระยะสั้น แถมยังส่งผลเสียกับผิวตามมาอีกด้วย ดังนั้นการทำ เลเซอร์ขน จึงเป็นคำตอบที่หลายคนเชื่อว่าดีที่สุด แต่การเลเซอร์ขนนั้นให้ผลที่ถาวรเหมือนกับชื่อหรือเปล่า แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาดีจริงหรือไม่ ?

โดยทั่วไปแล้วการทำเลเซอร์กำจัดขนนั้นจะให้ผลดีในระยะยาว เพราะรากขนที่ฝ่อตัวลงจากการทำเลเซอร์ขน จะไม่กลับมาขึ้นใหม่อีก นอกจากนี้ ความร้อนส่วนหนึ่งจากพลังงานเลเซอร์ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจน ทำให้บริเวณที่ทำเลเซอร์ขนนั้นมีผิวที่เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย  และไม่เพียงเลเซอร์ขนจะทำให้ไร้เส้นขนเท่านั้น การทำเลเซอร์ขนยังแก้ปัญหาผิวหนังไก่บริเวณใต้วงแขนได้ และเมื่อไม่มีขนแล้ว ตุ่มสิวขนคุดก็หายไปอีกด้วย เรียกได้ว่าทำครบคอร์สแล้วก็เบาใจเรื่องเส้นขน แล้วยังได้ผิวที่เนียนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผิวหนังให้ความเห็ว่า หลังจากการทำเลเซอร์ขนแล้ว อาจมีบางรายที่มีเส้นขนอ่อนกลับมาขึ้นได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของการทานยาบางชนิดที่กระตุ้นการสร้างเส้นขนได้ นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย อาจกระตุ้นการสร้างเส้นขนได้เช่นกัน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชายที่มีทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งกำหนดลักษณะทางเพศชาย อย่างเช่นการขึ้นของเส้นขน หากมีระดับฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้นก็จะทำให้เส้นขนกลับมาขึ้นอีกได้เช่นกัน 

ได้ทราบแบบนี้แล้ว คนที่สนใจการทำเลเซอร์ขน หรือว่าทำเลเซอร์กำจัดขนถาวรไปจนครบคอร์สตามที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนดแล้วก็คงเบาใจกันได้เลย ว่าจะไม่มีเส้นขนกวนใจนับหลังจากการทำเลเซอร์ขนครบตามที่กำหนดอย่างแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่า การทำเลเซอร์ขนในสถานเสริมความงามแต่ละแห่งนั้นแม้จะเหมือนกัน แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่าผู้ให้บริการแต่ละแห่งก็มีความเชี่ยวชาญที่ไม่เท่านั้น ซึ่งถ้าหากไม่เชี่ยวชาญพอก็อาจทำให้กำจัดขนได้ไม่เรียบเนียน หรืออาจเกิดแผลเบิร์นไหม้ได้อีกด้วย ฉะนั้นควรเลือกทำกับสถานเสริมความงามที่มีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์ขน และมีรีวิวจากผู้รับบริการที่เชื่อถือได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงินทีหลังค่ะ

ซึ่งที่ APEX ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี ในด้านการทำเลเซอร์กำจัดขนถาวร อีกทั้งยังมีที่ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าการทำเลเซอร์กำจัดขนของคุณจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

The post เลเซอร์ขน กำจัดขนได้ถาวรจริงไหม ? appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่อกันยายน 2563 ที่ผ่านมา APEX Medical Center ศูนย์สุขภาพความงามแบบครบวงจร ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน HELLO! Beauty Awards 2020 ซึ่งถูกจัดขึ้นโดยนิตยสารไลฟ์สไตล์ชั้นนำอย่าง HELLO! THAILAND

ภายในงาน HELLO! Beauty Awards 2020 นำโดยแพทย์หญิงชมเพลิน เสี้ยนสลาย ตัวแทนจาก APEX Medical Center ขึ้นรับรางวัล Editors’ Chocies สาขา The Best Beauty Technology Clinic ซึ่งรางวัลในสาขานี้มีรายชื่อคลินิคเข้าร่วมชิงกว่า 50 แห่งเลยทีเดียว

ด้วยประสบการณ์ด้านความงามกว่า 25 ปี ของ APEX Medical Center การได้รับรางวัล The Best Beauty Technology Clinic จากแคมเปญ HELLO! Beauty Awards 2020 ของนิตยสาร HELLO! นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีที่ช่วยย้ำชัดว่า เอเพ็กซ์ของเรามุ่งเน้นคัดสรรแต่สุดยอดเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมาเพื่อให้บริการกับคุณ

เทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพความงามมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเอเพ็กซ์ของเรามีความพร้อมที่จะนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในประเทศมาใช้เสมอ เรียกได้ว่าสิ่งที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณนั้น เป็นระดับ Top Technology จากทั่วโลกเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น Thermage FLX, Ulthera, Coolsculpting, Emsculpt หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ Botox, Filler ที่เราเลือกใช้ก็ถูกผลิตด้วย Best Technology เช่นกัน

การที่ APEX Medical Center สามารถดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 25 ปี จนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการได้นั้น นอกจากมี The Best Technology แล้วนั้น

ต้องอาศัย The Best Training ด้วย

เพราะต่อให้มีของดีอยู่ในมือ แต่ผู้ทำไม่เชี่ยวชาญ ก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากการนำเข้าเทคโนโลยี นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดแล้ว การเทรนทีมแพทย์และทีมงานของเอเพ็กซ์ก็เป็นแบบ Best Training ซึ่งจะได้รับการเทรนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในศูนย์ Traning Center ของเราเอง ดังนั้น เมื่อมีการนำเข้าเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามา ทั้งแพทย์และทีมงานจะได้รับการอัพเดทความรู้ ฝึกเทคนิคใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับ Best Technology อยู่เสมอ

ทำให้ลูกค้าได้รับ The Best Result จากเรา

เมื่อเรามีทั้งสุดยอดเทคโนโลยีและสุดยอดฝีมือแล้ว ทั้ง 2 สิ่งข้างต้นนี้ จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการว่าผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเป็นสุดยอดผลลัพธ์ด้วยเช่นกัน

นอกจากรางวัล The Best Beauty Technology Clinic ที่ได้รับมาล่าสุดแล้ว เอเพ็กซ์ยังได้รับรางวัลการันตีจากอีกหลากหลายสาขาความงาม อาทิเช่น รางวัลจาก Allergan ติดต่อกันยาวนานถึง 15 ปี ในฐานะที่มีผู้ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย หรือรางวัลสูงสุดแห่งวงการศัลยกรรมตกแต่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 2 ปีติดต่อกัน จาก Global Health and Travel และ AB Bernstein รวมถึงรางวัล Most Ulthera Treatment Throughout The World ตั้งแต่ปี 2006 และรางวัล Top Ulthera Treatment จนถึงปัจจุบัน

เอเพ็กซ์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ (APEX Medical Center) เป็นศูนย์ให้บริการด้านความงามอย่างครบวงจร พร้อมด้วยทีมแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางผู้มีประสบการณ์ในแต่ละสาขากว่า 100 ท่าน ซึ่งในปัจจุบัน เอเพ็กซ์มีสาขาให้บริการกว่า 30 แห่งทั่วประเทศไทยแล้ว

หรือหากใครอยากทราบว่าการมี The Best Technology ควบคู่ไปกับ The Best Training ช่วยให้เกิด The Best Result ได้อย่างไร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) นะคะ ไม่ว่าจะเรื่องยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ศัลยกรรม ดูแลรูปร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไว้ใจ APEX ได้เลยค่ะ

The post APEX กับรางวัลการันตีล่าสุด! The Best Beauty Technology Clinic appeared first on Apex Profound Beauty.

ต้องยอมรับว่า ปัญหา ผิวหมองคล้ำ ขาดความกระจ่างใส เป็นเรื่องที่ทำลายความมั่นใจของสาว ๆ ได้อยู่ไม่น้อย ทว่าก็เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะในทุกๆวัน เราจะต้องพบเจอกับทั้งมลพิษและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อผิวหนัง บวกกับปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำร้ายผิวให้หมองคล้ำและทำให้สุขภาพเซลล์ผิวแย่ลง ซึ่งสาเหตุของปัญหา ผิวหมองคล้ำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก โดยสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผิวสูญเสียความกระจ่างใสมีดังต่อไปนี้

1. แสงแดด

ในปัจจุบันแสงแดดนั้นมีระดับของรังสียูวีที่เข้มข้น ซึ่งส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำลง นอกจากนี้ยังเป็นตัวการของฝ้า กระ และปัญหาผิวอื่นๆ ในระยะยาวได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น หากผิวได้รับแสงติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เสี่ยงถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้

2. สารเคมี

สารเคมีบางชนิดที่เราคาดไม่ถึงอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำได้ อย่างเช่น สารคลอรีน ที่อยู่ในสระว่ายน้ำ หากได้รับในปริมาณที่เข้มข้น ผลที่ตามมาก็คือปัญหาผิวหมองคล้ำ และขาดความชุ่มชื้น

3. ดื่มน้ำน้อย

ขอบอกเลยว่าน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับผิวและการดื่มน้ำน้อย หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สิ่งที่จะเห็นได้ชัดก็คือจะทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำลงและหย่อนคล้อย ดังนั้นเราจึงควรจะดื่มน้ำให้เยอะๆ โดยไม่ควรน้อยกว่าวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ วันละ 1.5 ลิตรเป็นอย่างน้อยเพื่อให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้น และคงความกระจ่างใสไว้

4. ความเครียด

ความเครียด ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ยังแสดงออกมาให้เห็นผ่านทางผิวได้อีกด้วย เพราะเมื่อเกิดความเครียดแล้วก็จะทำให้ระบบการทำงานต่างๆภายในร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้อีกด้วย

5. การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ เพราะสารนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่จะส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังตีบตัน และเมื่อเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวได้ไม่ดีพอก็จะทำให้ผิวหมองคล้ำลงค่ะ

ได้ทราบกันแล้วว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ผิวขาดความกระจ่างใส และเกิดความหมองคล้ำ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวสวย ๆ ของคุณต้องหมองคล้ำล่ะก็ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัย และพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ผิวเสียอย่างเร่งด่วน แล้วกันกลับมาดูแลผิวกันให้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือการทำทรีตเม้นท์ดูแลผิว ก็มีให้เลือกมากมายตามความพึงพอใจ

และที่ APEX เรามีทรีตเม้นท์เพื่อผิวสวยอย่าง Skin Bright ซึ่งเป็นคอร์สการดูแลผิวด้วยคลี่นพลังงานเลเซอร์ ที่จะช่วยกำจัดเม็ดสี และปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส แถมช่วยลดรอยดำจากสิว พร้อมด้วยทรีตเม้นท์ วิตามินรวมบำรุงเพิ่มผิวให้ขาวใส ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เปล่งประกายได้อย่างที่คุณต้องการแน่นอนค่ะ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Line : @apexclear
Inbox: m.me/apexclear
Facebook: http://www.facebook.com/ApexClear/

The post เผยเคล็ดลับ #ผิวเคลียร์ใสแบบไร้ที่ติ appeared first on Apex Profound Beauty.

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ผู้หญิงไม่น้อยต่างหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่หัวจรดเท่า ไม่เว้นแม้จุดซ่อนเร้นที่ผู้หญิงต่างก็เอาใจใส่มากขึ้น และด้วยเหตุนี้เองเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิงอย่าง Vaginal Lift หรือการ กระชับช่องคลอด ด้วยคลื่นพลังงานจึงกลายทางเลือกของสาว ๆ ที่ต้องการดูแลสุขภาพผู้หญิง คืนความอ่อนเยาว์ และความกระชับให้กับจุดซ่อนเร้น หรือแม้แต่การแก้ไขอาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ที่กวนใจ และเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมากเลยทีเดียว

และด้วยความนิยมในเทคโนโลยี Vaginal Lift หรือการ กระชับช่องคลอด ด้วยคลื่นพลังงาน ในผู้หญิงที่มีมากขึ้นจึงได้มีหลากหลายสถาบันความงามที่นำเทคโนโลยีนี้มาให้บริการ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเทคโนโลยีเพื่อการดูแลจุดซ่อนเร้นเหมือนกันแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกันเสมอไป และนี่คือเหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใดถึงควรมาทำ Vaginal Lift ที่ APEX ถ้าไม่อยากเสียใจที่หลังแล้วล่ะก็ รีบอ่านก่อนเลยค่ะ !

1. ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และเหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล 

ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพผู้หญิงด้วย Vaginal Lift ที่ APEX เรามีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อทุกปัญหาของผู้หญิง อีกทั้งก่อนเข้ารับการทำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินลักษณะอาการของผู้เข้ารับบริการ ว่าควรเลือกใช้เทคโนโลยีแบบใดจึงจะเหมาะสมกับปัญหามากที่สุด เพื่อให้คุณผู้หญิงได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุด

2. แก้ไขปัญหาจุดซ่อนเร้นได้ทั้งภายในและภายนอก 

เทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ APEX ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความกระชับภายในจุดซ่อนเร้นเท่านั้น แต่ยังช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ และกระจ่างใจได้ตั้งแต่ทำครั้งแรกได้อีกด้วย

3. ใช้เวลาในการทำไม่ถึง 30 นาที และไม่ต้องพักฟื้น 

Vaginal Lift ที่ APEX เป็นเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิงที่ใช้เวลาทำน้อยมาก เมื่อเทียบกับการกระชับช่องคลอดแบบอื่น ๆ โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น และไม่เจ็บตัว ทำเสร็จแล้วคุณสาว ๆ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องระวังเรื่องผลข้างเคียงแต่อย่างใด

4. เห็นผลความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

ถ้าหากคุณสาว ๆ ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของจุดซ่อนเร้นทันทีหลังจากทำแล้วล่ะก็ เทคโนโลยี Vaginal Lift คือคำตอบที่คุณกำลังมองหาค่ะ เพราะ Vaginal Lift สามารถเห็นผลและความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ทำให้สาว ๆ กลับมามีความมั่นใจได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลารอค่ะ

5. ใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำโดยไม่มีอาการเจ็บหลงเหลือแต่อย่างใด

ถ้าพูดถึงความเจ็บปวด Vaginal Lift ที่เอเพ็กซ์ ถือเป็นเทคโนโลยีทีเรียกได้ว่าไม่เจ็บเลยล่ะค่ะ โดยขณะทำจะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้หลังจากทำยังไม่มีอาการใด ๆ อีกด้วย คุณผู้หญิงจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดนไม่ต้องพักฟื้นเลยล่ะค่ะ

และนี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ว่าเพราะอะไร Vaginal Lift ที่ APEX จึงควรเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับผู้หญิงที่ต้องการคืนความมั่นใจ และความอ่อนเยาว์ให้กับจุดซ่อนเร้น เพราะที่ APEX เรายังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลตลอดการทำ เพื่อให้คุณสาว ๆ มั่นใจได้ว่าจะกลับมามีความมั่นใจ และบอกลาปัญหาสุขภาพผู้หญิงได้แบบลาขาดค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post 5 เหตุผลชัด ๆ ว่าทำไมต้องทำ Vaginal Lift ที่ APEX ! appeared first on Apex Profound Beauty.

นาทีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการ ร้อยไหมยกกระชับ หรือ Thread Lift ยังคงได้รับความนิยมในหมู่คุณสาว ๆ ที่ต้องการมีใบหน้าเรียวเล็ก หรือผู้ที่ต้องการกำจัดเหนียงส่วนเกิน รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับลุคใบหน้าเพื่อช่วยชะลอวัย การร้อยไหมจึงถือเป็นหัตการเพื่อใบหน้าเรียวสวยที่โลดแล่นเป็นดาวเด่นไม่แพ้หัตถการอื่น ๆ ในวงการเสริมความงามมากว่า 20 ปี ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนานนี้ ทำให้ทั้งเทคนิคการร้อยไหม วัสดุที่ผลิตเส้นไหม และฝีมือแพทย์ ถูกพัฒนาต่อเนื่องขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์กับเทรนด์ความงามที่แปรเปลี่ยนไปทุกปี

ในยุคเริ่มแรกการ ร้อยไหมยกกระชับ คือการนำเส้นไหมจำนวนไม่ต่ำกว่า 20-50 เส้นต่อครั้ง (จำนวนเส้นจะขึ้นอยู่กับเคสและการพิจารณาของแพทย์ร่วมด้วย) เรียงร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังชั้นไขมันเป็นลักษณะคล้ายตาข่ายสานกันไปมา เพื่อให้โอบยกกล้ามเนื้อใบหน้าขึ้น หลักการทำงานก็คือ บริเวณผิวที่ถูกร้อยไหมเข้าไป จะส่งผลถึงการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่พันรอบแนวเส้นไหมเอาไว้ และผลลัพธ์ที่เกิดตามมาจากการดึงรั้งผิวหน้าหรือบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป คือ ทำให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น นั่นเอง

แต่ว่าการ ร้อยไหมยกกระชับ ด้วยจำนวนเส้นที่ต้องร้อยต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 20 เส้น ในข้างต้นนั้น มักจะส่งผลเสียประการหนึ่งต่อใบหน้าของผู้เข้ารับการรักษา คือ ความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะทำหรือหลังากนั้นเพราะต้องร้อยเส้นไหมเป็นจำนวนมาก และการเกิดรอยเขียวช้ำหลังรักษาแบบเห็นชัดเจนจากการที่ต้องร้อยเส้นไหมซ้ำ ๆ เข้าไปจนครบจำนวน ด้วยเหตุนี้ จึงมีการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมไหมยกกระชับหน้าขึ้นใหม่ เพื่อลดข้อด้อย เพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ให้ยาวนานกว่าเก่า

เดิมที ในตลาดเสริมความงามเส้นไหมร้อยหน้าที่นิยมจะนำเข้าจากประเทศเกาหลี และถูกเรียกเพื่อความเข้าใจง่ายว่า ‘ไหมเกาหลี’ แต่เมื่อไม่นานมานี้ (ปีพ.ศ. 2562) มีผลิตภัณฑ์ ร้อยไหมยกกระชับ นำเข้าจากประเทศอิตาลีเพิ่มขึ้นมา และถูกเรียกในชื่อ ‘ไหมอิตาลี’ ตามต้นทางที่นำเข้า ไหมอิตาลีถือเป็นน้องใหม่สำหรับการร้อยไหม ทั้งในเรื่องวัสดุที่ใช้ผลิตและเทคนิคในการร้อย ซึ่งแตกต่างไปจากไหมตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ทั้งไทยและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Definisse คือแบรนด์ของไหมอิตาลีเพียงเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตอนนี้อีกด้วย

ที่บอกว่าแตกต่างเป็นเพราะการ ร้อยไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยจะใช้จำนวนเส้นสำหรับการร้อยต่อครั้งในแต่ละข้างเพียง 1-2 เส้น เท่านั้น ซึ่งเมื่อจำนวนเส้นที่ร้อยต่อครั้งลดจากหลักสิบเส้นเหลือเพียงแค่หนึ่งถึงสองเส้น เทคนิคที่ใช้ในการร้อยก็จะพิเศษตามไปด้วยเช่นกัน

คุณสมบัติเด่นของไหมอิตาลีที่แตกต่างไปจากไหมแบบเดิม ๆ

ไหมอิตาลี (Definisse–Italian Thread Lift) เป็นเส้นไหมที่ผสมผสานกันระหว่างวัสดุ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี และวัสดุ PCL (Polycaprolactone) ที่เด่นในเรื่องของการอุ้มน้ำ ไม่แตกหักง่าย ยึดเกาะใต้ผิวหนังได้ดี วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมอิตาลีจึงมีชื่อเรียกว่า p(LA-CL) เมื่อดึงเอาจุดเด่นของทั้ง 2 วัสดุขึ้นมา จึงทำให้การ ร้อยไหมอิตาลี มีคุณสมบัติในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้ดี และให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าเส้นไหมที่มีมาก่อนหน้า

คุณสมบัติต่อมาที่น่าสนใจและแตกต่างไปจากไหมแบบเก่า คือ เป็นไหมแบบ Double Needle Threads มีเข็มนำในแต่ละด้านของปลายไหม ซึ่งปลายเข็มจะคมและลื่นเป็นพิเศษ ทำให้สามารถ ร้อยไหมอิตาลี ในทิศทางที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการบวมแดงหลังจากการร้อยไหมได้ด้วย และตัวเส้นไหมมีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน เมื่อถูกร้อยเข้าใต้ผิวหนังจะสามารถยึดติดกับผิวได้ดี ส่งผลต่อการยกกระชับผิวมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากร้อยไปแล้ว

และด้วยเทคนิคที่เป็นแบบ Double Needle Technique ของไหมอิตาลี ไม่เหมือนกับการร้อยไหมแบบเดิม ๆ แพทย์จึงต้องพัฒนาฝีมือพร้อมเรียนรู้เทคนิคใหม่นี้ด้วยเช่นกัน เทคนิคการ ร้อยไหมอิตาลี ถูกออกแบบไว้อย่างหลากหลาย เช่น JR Technique, MR Technique, LR Technique, OR-V Technique เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ เป็นเทคนิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์กับปัญหาใบหน้าแต่ละเคสมากที่สุด การจะเลือกใช้เทคนิคแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ร่วมกับการตัดสินใจของผู้เข้ารับการรักษา

V-LR Technique–23 cm เทคนิคล่าสุดของการ ร้อยไหมอิตาลี เทคนิคการร้อยไหมอิตาลีแบบ V-LR Technique เป็นเทคนิคการร้อยไหมเพื่อเน้นการเก็บกรอบหน้าให้คมชัด เก็บเหนียงและคางสองชั้น เทคคนิคนี้ถือเป็นเทคนิคระดับแอดวานซ์ พูดเลยว่าในประเทศไทยมีแพทย์เพียงไม่กี่ท่านเท่านั้นที่ร้อยไหมเทคนิคนี้ได้ เพราะจะต้องเป็นแพทย์ที่ผ่านการเทรนมาแล้วเท่านั้นถึงจะทำได้ 

เมื่อมีการออกแบบเทคนิคใหม่ของการร้อยไหมอิตาลีเทคนิคนั้น ๆ ก็จะถูกถ่ายทอดส่งต่อให้เหล่าแพทย์ฝีมือสายยกกระชับ โดยสถาบันความงาม Apex Medical Center มีศูนย์ Training Center เป็นของตัวเอง ทำให้ทีมแพทย์สายยกกระชับของเอเพ็กซ์ไม่พลาดที่จะอัพเดทเทรนด์และเทคนิคใหม่ ๆ อยู่เสมอ แน่นอนว่าเทคนิคการร้อยไหมอิตาลีแบบใหม่ที่เรียกว่า V-LR Technique ทีมแพทย์เอเพ็กซ์ของเราก็ไม่พลาดค่ะ

ร้อยไหมอิตาลีด้วย V-LR Technique เหมาะกับใคร

• • ผู้ที่อายุ 30-65 ปี
  • ผู้ที่ต้องการลดเหนียง แต่ต้องเป็นผู้ที่มีไขมันใต้คางในระดับหนึ่ง ไม่น้อยหรือมากเกินไป เพราะถ้ามีไขมันใต้คางมากเกินไปการร้อยไหมจะไม่เห็นผลดีเท่าที่ควร
  • ผิวไม่บาง ไขมันต้องไม่บางเกินไป (ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาวอลลุ่มลอส)
  • ผิวหน้าหย่อนยานในระดับปานกลาง ค่อยไปทางมาก (แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวย้วยมาก ๆหรือผิวที่มีลักษณะนิ่ม)
  • ต้องการลดเหนียง และกรอบหน้าที่ชัด

ใครที่ลองลดเหนียงมาหลายวิธีแล้วแต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ การ ร้อยไหมอิตาลี เทคนิคพิเศษนี้อาจจะเหมาะกับคุณก็ได้นะคะ

หากต้องการอ่านรายละเอียดของไหมอิตาลีเพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้ที่ : ร้อยไหมยกกระชับด้วย ไหมอิตาลี Definisse ดีกว่ายังไง?

สอบถามรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้ทาง Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรืออยากติดต่อจองคิวแพทย์ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันค่ะ

The post เทคนิคใหม่ล่าสุด! ร้อยไหมอิตาลี ลดเหนียง เก็บกรอบหน้า appeared first on Apex Profound Beauty.

ถ้าจะให้ปฏิเสธว่า อาหารคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการดูแลสุขภาพก็คงไม่ได้ เพราะยิ่งในปัจจุบันที่โรคภัย ไวรัส และเชื้อโรค การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้อีกด้วย ดังนั้นนอกจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว เรายังต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย วันนี้เราจึงขอแนะนำ 5 อาหารต้านไวรัส ที่กินแล้วช่วยเสริมภูมิคุ้มกันไม่ให้ป่วยง่ายมาฝากค่ะ

1. บรอกโคลี

เจ้าผักเขียว ๆ อย่างบรอกโคลี คือตัวช่วยชั้นดีในการป้องกันสุขภาพจากไวรัสค่ะ เพราะบรอกโคลีนั้นเป็นผักที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน เอ ซี และอี อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกมากมายที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของคุณให้แข็งแรงค่ะ ซึ่งถ้าอยากให้ได้ประโยชน์อย่างครบถ้วนล่ะก็ แนะนำให้นึ่งจะดีที่สุดเพราะ ความร้อนจากการนึ่งจะช่วยไม่ให้สารอาหารที่อยู่ในบรอกโคลีถูกทำลายไปเหมือนการปรุงอาหารด้วยวิธีอื่น ๆ ค่ะ

2. โยเกิร์ต

โยเกิร์ต อาหารเพื่อสุขภาพของหลาย ๆ คน ที่นอกจากจะช่วยดูแลในเรื่องระบบขับถ่ายแล้ว ในโยเกิร์ตยังมีจุลินทีรย์ที่มีชีวิตและดีต่อร่างกายที่สามารถช่วยร่างกายต่อสู้กับไวรัส และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้เจ็บป่วยได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยวิตามินดี ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย แต่ก็อย่าชะล่าใจเลือกโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลเยอะ ๆ ล่ะ เพราะโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลมาก ๆ อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นลองเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ตจะดีกว่าค่ะ ได้ประโยชน์มากกว่ากันเยอะค่ะ 

3. กระเทียม

หลายคนอาจจะไม่ชอบกระเทียมเท่าไรนัก แต่ขอบอกเลยว่าถ้าคุณรู้ว่ากระเทียมคือหนึ่งในอาหารที่สามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้คุณได้ คุณก็อาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วในกระเทียมนั้น มีสรรพคุณในการช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย ในขณะเดียวกัน สารอัลลิซีนที่อยู่ในกระเทียมก็ยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วยล่ะค่ะ แต่ต้องขอบอกว่าถ้าอยากให้ได้ผลดีควรให้กระเทียมผ่านความร้อนให้น้อยที่สุดค่ะ เพราะความร้อนจะทำลายสารอัลลิซีนที่อยู่ในกระเทียมไปจนหมดได้ค่ะ

4. ขิง

ขิงเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ทรงคุณค่าต่อสุขภาพ เพราะสารที่อยู่ในขิงนั้นสามารถช่วยลดอาการอักเสบ และลดอาการเจ็บคอได้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาพบว่า ขิงนั้นก็สามารถช่วยลดอาการปวดเรื้อรังได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านทั้งป้องกันสุขภาพ และบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อีกด้วย 

5. ชาเขียว

ปิดท้ายกันที่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างชาเชียวค่ะ ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของสารฟลาโวนอยด์ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงคุณค่าต่อร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้นในชาเขียวยังมีสารสารเอพิกัลโลคาเทชินกัลเลท (epigallocatechin gallate – EGCG) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอีกชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบจากสารอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันแอลคานิทีนที่อยู่ในชาเขียวก็ช่วยบูสท์ภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ ทว่าถ้าอยากให้ได้ผลดีควรดื่มชาเขียวที่ไม่เติมน้ำตาลด้วยนะคะ เพราะน้ำตาลคือตัวร้ายที่ทำลายภูมิคุ้มกันเลยล่ะค่ะ

และนี่คือส่วนหนึ่งของ อาหารต้านไวรัส เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น ชอบอันไหนก็ลองเลือกมารับประทานกันนะคะ แต่ก็อย่าหักโหมรับประทานเพียงแต่อาหารต้านไวรัสเพียงอย่างเดียวนะคะ ควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนจะดีกว่าค่ะ เพราะสุขภาพจะดีได้ ไม่ใช่แค่จากอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากอาหารหลาย ๆ ชนิดรวมกันนะคะ

แต่ถ้าคุณต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็วโดยไม่ต้องรับประทานยา หรืออาหารเสริมเยอะ ๆ ก็ยังมีการดูแลสุขภาพอีกวิธีหนึ่งที่ให้ผลดี และมีประสิทธิภาพสูง นั่นก็คือ สูตรการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip นั่นเองค่ะ 

IV Drip สูตรการดูแลสุขภาพด้วยวิตามินเข้มข้น เคล็ดลับการเสริมภูมิคุ้มกันต้านไวรัสที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยการให้ค็อกเทลวิตามินผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที 100% ต่างจากการรับประทานอาหารเสริมที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้หมด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการให้ IV Drip นั้นจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาสั้น ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการฟื้นฟูสุขภาพแบบเร่งด่วน หรือไม่มีเวลาดูแลสุขภาพเท่าที่ควร

และที่ APEX เรามีสูตรวิตามินเข้มข้นที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยดูแลสุขภาพในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพภายใน หรือภายนอก ทำให้คุณสามารถมีสุขภาพที่ดีได้ โดยไม่ต้องเสียเวลากินอาหารเสริม หรือเลือกรับประทานอาหารให้ยุ่งยากอีกต่อไป หากวันนี้คุณต้องการห่างไกลจากไวรัส และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แล้วล่ะก็ ให้ IV Drip จาก APEX ดูแลคุณดีกว่าค่ะ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 062 709 6849, 063 310 8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post 5 อาหารต้านไวรัส เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง appeared first on Apex Profound Beauty.

เรื่องของรูปร่างนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลาย ๆ คนต้องการรูปร่างที่ดี มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง หุ่นสวย หรือมี Six Pack น่ามอง หลายคนเลือกใช้วิธีการออกกำลังกายเป็นตัวช่วยในการจัดการให้รูปร่างดูดีกว่าเดิม แต่ในบางจุดที่การออกกำลังกายไม่ช่วยให้ส่วนนั้นลดลง แต่เปลี่ยนเป็นก้อนกล้ามเนื้อซึ่งเอาออกไม่ได้ เช่นบริเวณแขน เป็นผลทำให้เกิดความไม่มั่นใจมากขึ้นเช่นเดียวกับคุณพลอย หอวัง ที่มีปัญหาในเรื่องรูปร่างที่ไม่ได้ดั่งใจจนเกิดเป็นความกังวล ซึ่งคุณพลอยได้เข้ามารับคำปรึกษาที่ Apex จะเป็นอย่างไร เรามีบทสัมภาษณ์น่ารัก ๆ มาฝากกันค่ะ

วันนี้คุณพลอยมาทำอะไรคะ

“วันนี้เข้ามาตามนัดทำการดูดไขมัน (Liposuction) ตื่นเต้นมาก ๆ แถมอดข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นเลยค่ะ แอบหิวนิดหน่อย แต่โอเค อยากหุ่นสวย เพราะเราอยากได้หุนที่เข้ารูปกระชับ ตอนที่เข้ามารับคำปรึกษากับคุณหมอว่าทำได้ไหม หรือเป็นไปได้ไหม ซึ่งคุณหมอคอนเฟิร์มว่าทำได้แน่นอน พลอยเลยรีบมาเลยค่ะ วันนี้”

วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

“วันนี้รู้สึกได้เลยว่าตัวเองประหม่า กังวลมาก วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เจอคุณหมอแล้วจะเป็นอย่างไร หลังจากดูดไขมันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ จะเป็นแบบที่คิดไหม อีกอย่างที่สำคัญเพื่อน ๆ ของพลอยกำลังรอดูรีวืวเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไร แถมย้ำว่าอย่าลืมเล่าเชียวว่ารีวิวเป็นอย่างไร ค่อยข้างสับสนเลยค่ะ แต่ก็บอกตัวเองว่าก็ต้องรอดูหลังตื่นแล้วนะ แต่ที่เคยดูรีวิวจากเพื่อที่เคยทำมา เรียกได้ว่าดีมาก ๆ ปัจจุบันคือเพื่อนคนนี้ไปเที่ยวทะเลตลอด ไม่อยู่กรุงเทพฯเลย แถมกล้าอวดรูปร่างมากขึ้นอีกด้วย หุ่นสวย เรียกได้ว่าเป็นสาวแซ่บเลยค่ะ”

ที่เลือกดูดไขมันที่ Apex เพราะเพื่อนคนนี้ไหมคะ

“ใช่ค่ะ เพราะเพื่อนคนนี้เคยไปทำที่อื่นด้วยวิธีอื่นมาแล้วมันไม่เวิร์ค เลยเลือกวิธีนี้เลยดีกว่า จบในทีเดียว คือเหตุที่เลือกวิธีนี้เพราะพลอยยังอยากให้หุ่นดู Healthy อยู่ค่ะ ไม่อยากให้ดูว่าผอมมาก แต่เวลาที่ออกกำลังกายไป ในบางครั้ง บางจุดมันเอาออกด้วยการออกกำลังได้ยากมาก ๆ เลยรู้สึกว่าเราต้องหาตัวช่วยอื่นและใช้วิธีการออกกำลังกายเสริมด้วยค่ะ”

เรื่องราวของคุณพลอย หอวัง หลังจากที่ดูดไขมันมาแล้วจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าพอใจขนาดไหน อย่าลืมมาติดตามกันนะคะ และหากใครอยากมี หุ่นสวย แบบคุณพลอยและกำลังสนใจการดูดไขมันนั้นควรศึกษาข้อมูลของแพทย์ที่ทำการรักษาและสถานพยาบาลที่เลือกนั้นต้องได้รับมาตรฐาน ซึ่งที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำด้านการดูดไขมัน และให้บริการการรักษาได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีเทคนิคในการดูดไขมันให้ผู้เข้ารับบริการเลือกถึง 5 แบบ พร้อมด้วยห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน JCI ความปลอดภัยระดับ 10K ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หุ่นสวยกระชับจนต้องยิ้มแก้มปริกลับบ้านแน่นอนค่ะ

ปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์เพื่อทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการ ดูดไขมัน

LINE@: http://line.me/ti/p/%40APEXsurgery

Call Center 0888-7000-39 และ 0888-7000-16

The post Healthy หุ่นสวย กับพลอย หอวัง และตัวช่วยพิเศษด้วยการดูดไขมัน appeared first on Apex Profound Beauty.

ต้องยอมรับว่า หนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลใจเมื่ออายุมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของริ้วรอยบนใบหน้า หรือในบริเวณต่าง ๆ รวมไปถึง ปัญหาหนังตาที่ตกลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ต้องหาตัวช่วยเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งในปัจจุบันการดึงหน้าถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาไปมาก จึงทำให้เกิดเทคนิคการดึงหน้าที่หลากหลายมายขึ้น แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เราขอรวบรวมเทคนิคของการ ดึงหน้า มาฝากกันค่ะ

ดึงหน้า แบบไม่พักฟื้น เจ็บไม่จบ 6 เดือนต้องทำซ้ำ !

ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการดึงหน้าให้มีความหลากหลายเทคนิคมากขึ้น จากเดิมที่มีเทคนิคการดึงหน้าเพียงไม่กี่วิธี และหนึ่งในเทคนิคการดึงหน้าที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในโลกโซเชียลก็คือ การดึงหน้าแบบไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วสามารถกลับไปพักที่บ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังสามาระออกกำลังกาย หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทว่าวิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่เห็นผลดีในระยะยาว เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะทำให้ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากเทคนิคการดึงหน้าแบบนี้เป็นเพียงการดึงเฉพาะผิวชั้นนอกที่เกิดความหย่อนคล้อยขึ้นไปเก็บบริเวณไรผม และตัดเอาผิวหนังส่วนเกินออก ซึ่งพบว่าวิธีนี้ผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้เพียง 6 เดือน – 1 ปี หลังจากนั้นก็ต้องกลับมาดึงหน้าซ้ำ หรือใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา ซึ่งถ้าหากทำซ้ำมาก ๆ ก็อาจทำให้ใบหน้าขาดความเป็นธรรมชาติ หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่กำลังสนใจการดึงหน้า หรือมีปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอยที่สร้างความกังวลใจ ก็อย่าเพิ่งหมดหวังไป เพราะล่าสุดได้มีเทคนิคการดึงหน้าแบบใหม่ ที่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ไปพร้อม ๆ กับการยกคิ้ว และหน้าผากกลับมามีใบหน้าที่ดูดีและอ่อนเยาว์ลงได้ โดยเทคนิคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี และมีการนำเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องร่วมด้วย เทคนิคที่ว่านั้นก็คือ เทคนิคการดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด

การ ดึงหน้า ส่องกล้องปักหมุด คืออะไร ?

เทคนิคการดึงหน้าส่องกล้องปักหมุด คือเทคนิคการดึงหน้า แบบยกคิ้ว และหน้าผาก โดยใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องร่วมกับการใช้หมุดชนิดพิเศษ ซึ่งจะเป็นการดึงทั้งผิวหนัง และกล้ามเนื้อขึ้นมายึดไว้กับหมุดบริเวณศีรษะ วิธีนี้จะช่วยยกกระชับบริเวณคิ้วและหน้าผากขึ้นได้มากกว่า 0.5 เซนติเมตร และลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากความร่วงโรยของวัย โดยไม่มีบาดแผลให้เห็นบริเวณใบหน้า อีกทั้งผลลัพธ์ที่ออกมายังมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการดึงหน้าแบบเดิม ๆ และอยู่ได้นานกว่า 5 ปี ไม่เพียงเท่านั้นการดึงหน้าวิธีนี้ ยังเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ทำให้มีผลข้างเคียงน้อย ส่วนหมุดที่ใช้ในการยึดกล้ามเนื้อและผิวหนังนั้นยังสามารถย่อยสลายได้เองจึงไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้เข้ารับการผ่าตัด และไม่เกิดปัญหาหดรั้งของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อในภายหลังอีกด้วย

ต้องขอบอกว่าการเทคนิคการดึงหน้าแบบส่องกล้องปักหมุดนั้น เป็นเทคนิคการแก้ไขปัญหาริ้วรอย และคืนความอ่อนเยาว์ที่ทรงประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการดึงหน้าด้วยเทคนิคการส่องกล้องปักหมุดที่พร้อมให้คำปรึกษา และมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมทำงานร่วมกับแพทย์ ภายในห้องผ่าตัดที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล เพื่อทำให้การดึงหน้าด้วยเทคนิคการส่องกล้องปักหมุดนั้นออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการเกิดความพึงพอใจสูงสุด และกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้งค่ะ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญศูนย์ศัลยกรรมความงามเอเพ็กซ์
โทร 0888-7000-39, 0888-7000-16
หรือสอบถามผ่าน Line ได้ที่นี่ค่ะ http://line.me/ti/p/%40APEXsurgery

The post ดึงหน้า ยกคิ้วมาไม่ดี ไม่ถึงปีคิ้วตก appeared first on Apex Profound Beauty.