กระแสการยกกระชับหน้าด้วยการ ร้อยไหม เริ่มมีในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว โดยส่วนมากตามคลินิคความงามจะใช้เส้นไหมที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี จนใคร ๆ เรียกติดปากว่าไหมเกาหลี แต่อย่างที่เรารู้กันว่าไหมเกาหลีเป็นการนำไหมเย็บแผลมาร้อยเป็นตารางเพื่อให้หน้าดูยก ไม่ได้ผลิตมาเพื่อการยกหน้าโดยตรงและไม่ผ่าน อย. อีกด้วย แต่ความนิยมของการร้อยไหมก็ไม่เคยตก จนตอนนี้ในวงการร้อยไหมมีการพัฒนาเส้นไหมสำหรับการยกกระชับผิวขึ้นใหม่ล่าสุด ส่งตรงจากประเทศอิตาลี จึงถูกเรียกว่า การร้อยไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) ซึ่งเป็นไหมชนิดแรกที่ผ่าน อย. เรื่องของการยกกระชับ และไม่ใช่แค่ไหมที่ผลิตมาพิเศษเพื่อยกกระชับหน้า แต่เทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี ก็เป็นเทคนิคพิเศษอีกด้วย ทำให้ผิวหน้าของคุณยกกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัด “เจ็บน้อย เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้นนาน” ลดความหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจน ปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดทันใจ การร้อยไหมอิตาลีเพื่อยกกระชับจึงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากยุโรปถึงประเทศไทย

ยกกระชับหน้าด้วยการร้อยไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift) คืออะไร ?

ไหมอิตาลี หรือที่เมืองนอกเป็นที่รู้จักกันในนาม Definisse – Italian Thread Lift เป็นเส้นไหมที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งผลิตด้วยวัสดุที่ผสมผสานกันระหว่าง PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมละลายทั่วไป และ PCL (Polycaprolactone) เป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรงกว่าไหมละลาย และ PLLA มีคุณสมบัติของการอุ้มน้ำได้ดี จึงไม่เปราะแตกง่าย ยึดเกาะผิวได้ดี ซึ่งการเอาจุดเด่นของทั้ง 2 วัสดุนี้ออกมา ทำให้ไหมอิตาลีมีคุณสมบัติยืดหยุ่นแต่แข็งแรง มีแรงดึงในการยกหน้าได้ดีกว่าไหมอื่น ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าการร้อยไหมละลายสมัยก่อน

ไหมอิตาลีต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?

คุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างแรกของไหมอิตาลี คือ เส้นไหมถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน (Bidirectional Convergent Barb) เมื่อร้อยเข้าชั้นใต้ผิวหนังจะล็อคกับผิวได้ดีขึ้นมาก ไม่ขาดง่ายเหมือนวัสดุอื่น ๆ และด้วยลักษณะของเงี่ยงที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนไปเรื่อย ๆ ส่งผลต่อการยกกระชับผิวให้เต่งตึงได้ในระยะยาว และยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวแถมมาด้วยนะคะ

คุณสมบัติอีกข้อที่น่าสนใจ คือ เทคนิคการร้อยค่ะ เป็นแบบ Double Needle Technique โดยไหมอิตาลีนี้ ถูกออกแบบมาให้มีเข็มนำในแต่ละด้านของปลายไหมด้วย ซึ่งปลายเข็มจะคมมากและลื่นเป็นพิเศษ ทำให้สามารถร้อยในทิศทางที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดการเกิดอาการบวมแดงหลังจากการร้อยไหม

เพราะฉะนั้นการร้อยไหมอิตาลี เป็นทั้งการใช้วัสดุและเทคนิคพิเศษในการร้อย จึงใช้เส้นไหมที่น้อยกว่า ยกได้นานกว่า ยกได้มากกว่า และเสี่ยงต่อการช้ำน้อยกว่าการร้อยไหมชนิดอื่น ๆ

การร้อยไหมอิตาลีเห็นผลแค่ไหน อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?

การร้อยไหมเพื่อยกหน้าแบบสมัยก่อน คือ การเอาเส้นไหมเรียงร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังชั้นไขมันเป็นโครงตาข่ายเพื่อให้หน้ายกขึ้น และบริเวณผิวที่ร้อยไหมเข้าไปจะถูกกระตุ้น ส่งผลไปถึงการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่พันรอบแนวเส้นไหมเอาไว้ ซึ่งจะถูกกระตุ้นเรื่อย ๆ จนผิวดูเต่งตึงอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง (ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมด้วย) ด้วยเหตุนี้ การร้อยไหมครั้งหนึ่งจะต้องใช้เส้นไหมไม่ต่ำกว่า 20-50 เส้น แต่การร้อย ไหมอิตาลี เพื่อการยกหน้าใช้ไหมเพียงข้างละ 1 เส้น! ใช้เทคนิคการร้อยแบบ Vector Lift เพื่อให้หน้ายกขึ้น เก็บเหนียง คางสองชั้น และกรอบหน้าให้ดูชัดได้รูปมากขึ้น และด้วยวัสดุของเส้นไหมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนทั้งใบหน้า เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นบริเวณที่ไม่ได้ร้อยไหมก็ดูดีขึ้นด้วยเช่นกัน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีเลยทีเดียว

ขั้นตอนการร้อยไหมอิตาลี

ขั้นตอนการเข้ารับการรักษาด้วยการร้อย ไหมอิตาลี

1. 1. ล้างหน้า เช็ดเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด
   2. แพทย์จะประเมินปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างละเอียด
   3. แพทย์ทำการออกแบบ และเลือกเทคนิคการ ร้อยไหม ตามปัญหาของลูกค้า
   4. แพทย์จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดผิว และฉีดยาชาประมาณ 3-4 จุด

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการร้อยไหม คือ เครื่องมือที่นำมาใช้จะต้องผ่านการอบฆ่าเชื้อก่อนที่จะใช้เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift)

1. 1. งดรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามิน C วิตามิน E รวมถึงยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอล อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันเลือดออกง่าย และเสี่ยงกับอาการช้ำ
   2. งดการทำเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Thermage Ulthera 1-2 อาทิตย์ก่อนร้อยไหม แต่การร้อยไหมและทำเครื่องสามารถทำในวันเดียวกันได้
   3. ถ้าต้องทำฟันให้ทำฟันก่อนการ ร้อยไหม หรือหลังจากร้อยไหมแล้ว 1 เดือน เพราะการทำฟันต้องอ้าปากกว้าง อาจจะทำให้ไหมหลุดได้

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอิตาลี

1. 1. งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงหลังร้อยไหมเสร็จ
   2. งดนวดหน้าทั้งนวดมือและนวดเครื่อง
   3. สัมผัสผิวหน้าเบา ๆ อย่านวดคลึงหรือเท้าคาง เพราะอาจจะทำให้การยกของไหมไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้
   4. ระวังการหัวเราะ หาว และการอ้าปากกว้าง ๆ เพราะอาจจะทำให้ไหมหลุดได้
   5. หลังจากร้อย ไหมอิตาลี 1-2 วัน ในบางเคสอาจจะสังเกตได้ถึงรอยบุ๋ม ซึ่งเป็นปกติของการร้อยไหมเนื่องจากผิวถูกดึงให้ตึง แต่รอยนั้นจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติใน 5-7 วัน

ใครเหมาะกับการร้อยไหมอิตาลี

การร้อยไหมสามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย คนที่ใบหน้ามีปัญหาหย่อนคล้อย มีเหนียง คางสองชั้น กรอบหน้าไม่ชัด คนที่มีใบหน้าอวบ มีไขมันก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับใบหน้าทุกรูปแบบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบกันด้วยนะคะ 

ข้อดีของการร้อยไหมอิตาลี

ข้อดีสุด ๆ ของการร้อย ไหมอิตาลี จนเกิดเป็นคำจำกัดความสั้น ๆ ขึ้นมาว่า ‘เจ็บน้อยแต่ยกกระชับนาน’ คือ ในการร้อยไหมยกกระชับด้วยไหมอิตาลี (Italian Thread Lift) นั้น จะใช้ไหมเพียงข้างละ 1-2 เส้นเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าการร้อยไหมแบบปกติมาก ช่วยลดความเสี่ยงของอาการช้ำและความเจ็บปวดของผู้เข้ารับการรักษา และด้วยเทคนิคพิเศษในการร้อยไหมอิตาลีนี้ จะช่วยเก็บส่วนเกินใบหน้าในส่วนที่เครื่องยกกระชับเก็บไม่หมด เช่น กรอบหน้า เหนียง และยกแก้ม

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอิตาลีจากผู้ใช้จริงที่คุณพิสูจน์ได้ !

ภาพรีวิวก่อน – หลังการร้อยไหมอิตาลีทันที ซึ่งผลลัพธ์จากการร้อยไหมทันทีเป็นผลลัพธ์แค่เพียง 20-30% ของผลลัพธ์จริงเท่านั้น

เคสรีวิวที่ 1 เป็นเทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี เน้นการเก็บเหนียงและกรอบหน้า ทำให้หน้าดูเรียวเล็กขึ้น

เคสรีวิวที่ 2 เป็นเทคนิคการร้อย ไหมอิตาลี เน้นการยกกระชับหน้า ให้แก้มที่ดูห้อยดูตกดูยกขึ้น
ทำให้หน้าเรียวเล็ก ดูอ่อนเยาว์

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอิตาลีเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น

เปรียบเทียบการร้อย ไหมอิตาลี กับการร้อยไหมเกาหลี

ไหมเกาหลี คือไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูงนำเข้าจากประเทศเกาหลี จึงถูกเรียกกันจนติดปากว่าไหมเกาหลี ส่วนมากจะเป็นไหมที่ทำจากวัสดุ PDO ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับเส้นไหมที่ใช้สำหรับการเย็บแผลผ่าตัด ร้อยต่อครั้งใช้ไหม 20-50 เส้น เพราะใช้การเรียงร้อยเป็นตาข่ายใต้ผิวให้เกิดการยก แต่ไหมอิตาลี คือเส้นไหมที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากไหมเกาหลี เป็นเทคนิคการร้อยไหมล่าสุด นำเข้าจากประเทศอิตาลี ที่สำคัญคือไหมชนิดนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจาก อย. ภายใต้ชื่อแบรนด์ Definisse ว่าเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ใช้สำหรับการร้อยไหมเพื่อยกกระชับโดยตรง และผลิตจากวัสดุ p(LA-CL) ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสมผสานระหว่าง 

• • PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง อุ้มน้ำได้ดี และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า 
  • PCL (Polycaprolactone) เป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรง

การร้อยไหมด้วยไหมอิตาลีจึงยกกระชับหน้าได้มากกว่า ถึงแม้จำนวนเส้นไหมที่ใช้จะแค่ 1-2 เส้นและผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า เพราะเงี่ยงและวัสดุที่ใช้ผลิตมาเพื่อยกกระชับหน้าโดยเฉพาะ

เปรียบเทียบการร้อย ไหมอิตาลี กับใช้เครื่องยกกระชับอย่าง Thermage, Ulthera, Hifu

จริง ๆ แล้วเครื่องมือที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม Thermage Ulthera หรือ Hifu ล้วนแต่ช่วยในการยกกระชับทั้งนั้น แต่แตกต่างกันตรงพลังงานและชั้นผิวที่แต่ละเครื่องจะลงลึกไม่เท่ากัน มีการวิจัยในต่างประเทศที่แบ่งกลุ่มคนไข้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำเครื่องมือยกกระชับ และกลุ่มที่ 2 ร้อยไหมพร้อมกับทำเครื่องมือยกกระชับ ผลลัพธ์ที่ได้คือกลุ่มที่ 2 ที่ร้อยไหมพร้อมกับทำเครื่องมือยกกระชับ เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าและใบหน้าดูแน่นกระชับกว่า ซึ่งจากการวิจัยเขียนไว้ว่า การร้อยไหมเหมือนเป็นการสร้างเสาบ้านและการทำเครื่องมือกกระชับอย่าง Thermage Ulthera หรือ Hifu ตามคือการฉาบเสาบ้าน ทำให้การสร้างคอลลาเจนของร่างกายมีการเรียงตัวได้ดีกว่าและกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า

APEX ของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอยู่ในทุกสาขา หากสนใจรับการประเมินรูปหน้า หรืออยากปรึกษาเกี่ยวการยกกระชับผิว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรือที่คลินิค APEX กว่า 30 สาขา ทั่วประเทศไทย

The post ร้อยไหมยกกระชับหน้าด้วย ไหมอิตาลี (Definisse – Italian Thread Lift) appeared first on Apex Profound Beauty.

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก อัลเทอร่า (Ulthera) หรือ อัลเทอราพี (Ultherapy) เครื่องมือที่ใช้พลังงานรูปแบบ Focused Ultrasound ช่วยเรื่องยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย สร้างกรอบหน้า แถมเรียกคืนความอ่อนเยาว์ให้คุณได้แบบไม่ต้องผ่าตัด และยังได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

อัลเทอร่าคือ หนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสถาบันเสริมความงาม APEX มาตลอดกว่า 10 ปี ด้วยเทคนิคพิเศษที่ให้ผลลัพธ์แบบ Hyper-personal Lift ที่ดีไซน์เฉพาะบุคคล Case by Case จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้เข้ารับบริการมาโดยตลอด จนกลับมาทำซ้ำในทุก ๆ ปี เช่นเดียวกับคุณอาร์ต อารยา ที่กลับมาทำอัลเทอร่ากับเราเป็นปีที่ 3 แล้ว

คุณอาร์ต―อารยา อินทรา เซเลบริตี้สไตลิสต์ชื่อดังผู้มากความสามารถที่คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี และ Host รายการ Drag Race Thailand รวมถึงมาสเตอร์เมนเทอร์ในรายการเรียลลิตี้สุดร้อนแรง THE FACE THAILAND 5

พี่อาร์ตเล่าให้ฟังถึงการทำงานของพี่อาร์ตว่าเธอเป็นคนทำงานหนัก เต็มที่กับทุกงานที่ทำ ความเต็มที่ของเธอไม่ใช่แค่งานแม้แต่ปาร์ตี้เธอก็จัดเต็ม เอนเนอร์จี้มาครบ พี่อาร์ตยังเล่าต่ออีกว่าสมัยยังสาว ๆ แค่นี้คือธรรมดามาก ปาร์ตี้เสร็จไปทำงานต่อได้เลย

แต่พอถึงช่วงอายุหนึ่งเริ่มสังเกตุเห็นถึงปัญหาผิวพรรณ หน้าไม่สดใส เริ่มดูหย่อนคล้อย ด้วยตัวงาน และไลฟ์สไตล์ ที่จะต้องพบปะผู้คนตลอดเวลา พี่อาร์ตพูดพร้อมกับหัวเราะ.. คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่พี่อาร์ตควรเริ่มดูแลตัวเอง ก็เลยเริ่มมาทำยกกระชับด้วยเครื่อง อัลเทอร่า ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วกับ APEX

ทำไมถึงกลับมาทำ Ulthera กับเอเพ็กซ์อีก

“เหตุผลที่กลับมาทำเรื่อย ๆ มันมีเหตุผลเดียว คือ ทำแล้วดี ถ้าไม่ดีก็คงไม่กลับมา” คือประโยคหนึ่งที่คุณอาร์ตบอกกับเราหลังจากที่กลับมาทำอัลเทอร่าเป็นปีที่ 3 แล้ว และเมื่อกลับมาทำเรื่อย ๆ ความเชื่อมั่นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน คุณอาร์ตเล่าให้เราฟังว่า ทุกครั้งที่กลับมาทำมักจะมาพร้อมกับปัญหาผิวพรรณเสมอ เพราะคุณอาร์ตจะเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำ เวลาทำงานก็ทำแบบเต็มร้อย จนไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง เวลาพักผ่อนน้อย นอกจากนี้เวลาปาร์ตี้ก็ยังเต็มร้อยด้วยเช่นกัน คุณอาร์ตเลยต้องหาตัวช่วยในการดูแลผิวพรรณ จนตัดสินใจทำอัลเทอร่ากับเอเพ็กซ์

เหตุผลที่ไว้ใจ APEX ให้ดูแลเรื่องผิวพรรณใบหน้า

เรื่องการดูแลรักษาผิวพรรณทั้งตามใบหน้า หรือแม้แต่การดูแลรูปร่าง คุณอาร์ตมั่นใจให้เอเพ็กซ์ดูแล เพราะที่เอเพ็กซ์มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ให้คำปรึกษา และทำการรักษาให้อยู่ตลอด อย่างตอนที่มาทำอัลเทอร่าไปล่าสุดนั้น คุณอาร์ตเล่าให้ฟังว่า 

“เครื่อง Ulthera จริงเครื่องแท้ไม่พอนะ คุณหมอมีส่วนอย่างมากในการทำอัลเทอร่าให้ผลลัพธ์ออกมาดี ที่เอเพ็กซ์คุณหมอเขา Customize ให้เป็นส่วน ๆ เลย ตรงไหนใหญ่ ตรงไหนไม่เท่ากัน เขาดูและยิงเก็บให้อย่างละเอียด โดยเฉพาะตรงคอที่มีปัญหามากที่สุด เพราะเราก็ยังมีโครงสร้างคล้ายผู้ชาย คือคอใหญ่ คุณหมอยิงให้จนรู้สึกว่าคอเล็ก เรียว ยาวขึ้น และกรอบหน้าก็ชัดเป๊ะเว่อร์”

การทำอัลเทอร่าแบบ Customize ที่คุณอาร์ตพูดถึงนั้น มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Ulthera SPT Technique ค่ะ ให้ผลลัพธ์แบบ Hyper-personal Lift แบบที่กล่าวไปในข้างต้น หากต้องการอ่านเกี่ยวกับเทคนิคพิเศษนี้ สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Ulthera SPT เทคนิคล่าสุด! การยกกระชับ

ฝากถึงคนที่กำลังคิดจะทำอัลเทอร่า หรือหัตการอื่น ๆ

ไม่ว่าจะเลือกทำเครื่องมือยกกระชับหรือหัตถการใดใด ต้องเลือกให้ถูกที่ เพราะการทำแต่ละอย่างนั้นจะมีเทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาในแต่ละส่วน ที่สำคัญเลยก็คือ ฝีมือของแพทย์ ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมโดยตรงแล้วเท่านั้นจึงจะมั่นใจได้ว่าปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ

APEX การันตีผลลัพธ์การทำอัลเทอร่าแบบ Hyper-personal Lift ด้วยรางวัล Top Ulthera Performance ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา สนใจการยกกระชับด้วย Ulthera สามารถจองคิวคุณหมอได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) นะคะ เรื่องยกกระชับ ไว้ใจ APEX!

The post Review – ยกกระชับหน้าด้วย Ulthera “ทำแล้วดี ถ้าไม่ดีคงไม่กลับมา” appeared first on Apex Profound Beauty.

ในปัจจุบันการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน มีหลากหลายวิธีให้เลือกขึ้นอยู่กับสาเหตุของแต่ละคน ซึ่งต้องยอมรับว่าวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการใช้ยา และการ ปลูกผม เพราะ 2 วิธีนี้มีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ทราบหรือไม่ว่าสำหรับการรักษาปัญหาผมร่วงแล้ว การใช้ทั้ง 2 วิธีดังกล่าวร่วมกันนั้นอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก แถมยังอาจส่งผลเสียที่ร้ายแรงได้อีกด้วย และนี่คือ 3 เหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้ยาปลูกผมควบคู่ไปกับการปลูกผมค่ะ

1. การใช้ยา ปลูกผม อย่างต่อเนื่องจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

มีผลการวิจัยพบว่าการใช้ยารักษาอาการผมร่วง จะทำให้คุณผู้ชายเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือเกิดปัญหาอวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ได้อีกด้วย โดยผลการศึกษามีผู้ชายถึง 3 ใน 200 คนที่รับประทานยารักษาผมร่วงติดต่อกันนาน ๆ แล้วเกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งถ้าหากไม่เลิกใช้ยา สิ่งที่ตามมาก็คือ อาจทำให้คุณผู้ชายสูญเสียสมรรถภาพทางเพศอย่างถาวรเลยล่ะค่ะ

2. ทำให้ตับทำงานหนักขึ้น

แน่นอนว่าการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อตับ เนื่องจากร่างกายจะขับตัวยาที่เกินความจำเป็นออกมาจากร่างกายโดยผ่านตับ ซึ่งถ้าหากรับประทานต่อเนื่องนาน ๆ ก็จะทำให้ตับทำงานหนักขึ้น และถ้าคุณมีความเสี่ยงเรื่องโรคเกี่ยวกับตับด้วย ก็อาจยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคตับในอนาคตได้อีกด้วย

3. ผลลัพธ์อยู่ไม่คงทน

ก่อนอื่นเราคงเข้าใจกันแล้วว่าการปลูกผมเป็นการรักษาที่ให้ผลถาวร ถ้าหากปลูกโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูง ปลูกผมเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่การใช้ยารักษาผมร่วงนั้นเป็นการรักษาที่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต หากหยุดยาเมื่อไหร่ก็จะทำให้ฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงกลับมาสร้างปัญหาได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากใช้ทั้งยารักษาผมร่วง และการปลูกผมไปพร้อม ๆ กันแล้วเกิดหยุดยาขึ้นมา เส้นผมที่ปลูกขึ้นมาใหม่ก็จะร่วงจนหมด และกลับมาเกิดปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านเหมือนเดิมค่ะ

และด้วยเหตุนี้เอง แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมจึงไม่แนะนำให้ใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกัน โดยหากต้องการปลูกผมก็จะต้องเลิกรับประทานยารักษาผมร่วมตลอดชีวิต หรือถ้าหากต้องการรับประทานยารักษาผมร่วง ก็ต้องเลี่ยงการปลูกผม เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อคนไข้ค่ะ

แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านการปลูกผมที่ APEX ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันนอกเหนือจากการปลูกผมด้วยเทคโนโลยีการปลูกผมด้วยแขนกล Robot Hair Transplant แล้ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ใช้ Laser Hair Growth ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลื่นพลังงานที่ใช้เพื่อกระตุ้นการงอกใหม่ของผม และช่วยให้รากผมแข็งแรงมากขึ้นมาใช้ร่วมกับการรักษาด้วยการฉีดพลาสมาเกล็ดเลือด หรือ PRP (platelet rich plasma) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมในอีกระดับหนึ่ง เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงมีความแข็งแรง ดูแน่น และดกดำเป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแก่ผู้ที่เข้ารับการปลูกผมค่ะ

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อ ให้ APEX และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีการปลูกผมที่ทันสมัยช่วยดูแลคุณดีกว่าค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าปัญหาผมร่วงไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขยากอีกต่อไปค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม และประเมินกราฟ โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

The post 3 เหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรให้ใช้ยาร่วมกับการปลูกผม appeared first on Apex Profound Beauty.

ต้นขาด้านนอก ถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่ลดได้ยากมาก เพราะการออกกำลังกายส่วนใหญ่ไม่สามารถช่วยลดสัดส่วนบริเวณต้นขาด้านนอกให้เล็กลงได้ ทำให้คนที่แม้จะออกกำลังกายหนัก แต่ยังคงมีปัญหาไขมันส่วนเกินที่ต้นขาด้านนอกเกิดความกังวลใจ และต้องมองหาตัวช่วยเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ออกไป เพื่อให้มีขาที่เรียวสวย สวมใส่กางเกงรัดรูปแล้วดูสวยงาม

ทั้งนี้ไขมันที่อยู่บริเวณต้นขาด้านนอกนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ แต่มักจะพบได้มากคนที่มีรูปร่างแบบลูกแพร์ เนื่องจากโครงสร้างของสรีระร่างกายเอื้ออำนวยต่อการสะสมของไขมันบริเวณต้นขาด้านนอกมากกว่าคนที่มีรูปร่างแบบอื่น ไม่เพียงเท่านั้นไขมันบริเวณต้นขาด้านนอกยังพบได้ในผู้หญิงมากกว่า ด้วยเพราะผู้หญิงมีอุ้งเชิงกรานที่ใหญ่กว่าผู้ชาย อีกทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง ยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณต้นขา และหน้าท้องมากกว่าผู้ชายอีกด้วย

อย่างไรก็ตามไขมันที่สะสมบริเวณต้นขาด้านนอกก็สามารถกำจัดออกไปได้ โดยหากใช้วิธีออกกำลังกายก็มีท่าออกกำลังกายสำหรับต้นขาโดยเฉพาะ แต่จะต้องออกให้ถูกวิธีเพราะถ้าหากออกกำลังกายผิดวิธีก็อาจทำให้กล้ามเนื้อต้นขาใหญ่ขึ้นกลายเป็นปัญหาขาล่ำ ๆ กวนใจคุณสาว ๆ แทนได้ค่ะ

หรือถ้าหากจะใช้วิธีอื่นช่วย ก็ยังมีการดูดไขมันต้นขาที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ก็ต้องบอกว่ามีผลเสียตามมาค่อนข้างมาก เพราะเมื่อดูดไขมันต้นขาด้านนอกก็จะมีรอยแผลเป็น อีกทั้งผิวยังอาจไม่เรียบเนียน เพราะเมื่อดูดไขมันจะเกิดพังผืดบริเวณที่ดูดจนทำให้ผิวเป็นคลื่นได้ค่ะ

ทราบแบบนี้แล้ว คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินที่ต้นขาด้านนอกก็อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินที่ต้นขาด้านนอกได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น อย่างเทคโนโลยีการกำจัดไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้คุณแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างปลอดภัย

CoolSculpting เทคโนโลยีการกำจัดไขมันด้วยความเย็นที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกว่าสามารถช่วยกำจัดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ความเย็นติดลบ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียสเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ทำตายลง โดยใช้เวลาเพียง 35 – 45 นาที ก็กำจัดไขมันลงได้ 20 – 30% ซึ่งจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหลังทำ 1 – 3 เดือน โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ให้กังวลใจ

และที่ APEX เราคือผู้นำในด้านการทำ CoolSculpting ด้วยจำนวนเคสที่มากที่สุดในเอเชีย และทีม CoolSculpting Specialist ที่พร้อมให้คำแนะนำและดูแลตลอดการทำ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจได้ว่าคุณจะกลับมามีรูปร่างที่ดีได้อีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีการกำจัดไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ที่ APEX ค่ะ

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

The post ต้นขาด้านนอก ลดยาก แต่ลดได้ ! appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่อคนเราเริ่มอายุมากขึ้น สัญญาณของความร่วงโรยตามวัยก็มักจะถามหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผิวพรรณที่ไม่สดใสเหมือนเก่า มีริ้วรอยให้กังวลใจ หรือจะเป็นการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติไม่จากเดิม แม้แต่เส้นผมก็ยังเกิดอาการแก่ได้ด้วยเช่นกัน ! แถมปัญหาผมแก่นั้นถ้าไม่ดูแลดี ๆ อาจส่งผลให้ผมร่วงและหัวล้านได้ในที่สุดอีกด้วย แต่ผมแก่นั้นเกิดจากอะไร แล้วเป็น สาเหตุผมร่วง ได้อย่างไร แล้วเราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ผมแก่จนเกิดปัญหาเส้นผมหลุดร่วง ศีรษะล้านได้อย่างไร เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

ผมแก่ เป็นหนึ่งในกระบวนการเสื่อมที่ส่งผลมาจากความร่วงโรยของร่างกาย โดยเมื่ออายุมากขึ้น รากผมก็จะเริ่มอ่อนแอลง ผลที่ตามมาก็คือ เส้นผมที่เคยแข็งแรงจะค่อย ๆ เส้นเล็กลง ขาดเปราะง่าย และหลุดร่วงไปในที่สุด ในขณะเดียวกับหนังศีรษะก็จะขาดความสมดุล จนทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะแห้ง จนเป็นรังแค หรือในบางกรณีก็อาจทำให้หนังศีรษะมัน เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกจนไปอุดตันบริเวณรูขุมขน และทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ในที่สุดค่ะ

อย่างไรก็ตามปัญหาผมแก่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่อันตราย หรือส่งผลเสียกับสุขภาพร่างกาย เพียงแต่จะทำให้คุณเสี่ยงต่อปัญผม ผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านมากขึ้น ดังนั้นจึงต่อดูแลเอาใจใส่เส้นผม และหนังศีรษะให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาเส้นผมให้หนักใจ

ทั้งนี้ในการดูแลเส้นผมสำหรับคนที่มีอายุมากขึ้นนั้นก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน และสารเคมีกับเส้นผม นอกจากนี้ยังควรหมั่นนวดหนังศีรษะบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นให้หนังศีษะแข็งแรงมากขึ้น เท่านี้ก็สามารถช่วยลดผลที่อาจเกิดขึ้นจากผมแก่ได้แล้วล่ะค่ะ

แต่ถ้าปัญหาผมแก่ ทำให้คุณประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน จนไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็เหมือนจะให้ผลลัพธ์ได้ไม่น่าพึงพอใจมากพอ ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมจะดีที่สุด หรือจะใช้ตัวช่วยอย่างเช่น การปลูกผมเข้าช่วยเพื่อให้ปัญหาผมบาง และศีรษะล้านหมดไป

และถ้าคุณกำลังมองหาตัวช่วยอย่างเทคโนโลยีปลูกผมที่ปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ที่ APEX เราก็มีเทคโนโลยีการปลูกผมด้วยแขนกล หรือ Robot Hair Transplant ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก APEX ซึ่งนำทีมโดยแพทย์หญิงนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมมาอย่างยาวนาน ทำให้การปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมโดยไร้แผลผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และไม่ต้องพักฟื้นเหมือนแต่ก่อน ไม่เพียงเท่านั้นด้วยความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ ผมที่ปลูกใหม่จะมีแน่น และดกดำดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเมื่อปลูกผมกับ APEX แล้วคุณจะสามารถกลับมามีบุคลิกที่ดี และดูเด็กลงได้อีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม และประเมินกราฟ โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

The post ผมแก่ อีกหนึ่ง สาเหตุของผมร่วง ! appeared first on Apex Profound Beauty.

หลายคนคงอาจเคยสงสัยว่าเพราะอะไรคนเราถึงมี ขน แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากบรรพบุรุษ แต่ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป นั้นทำให้การมีขนบนร่างกายอาจเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังอาจทำลายความมั่นใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้ แต่ขอบอกเลยค่ะว่าการที่เรามีขนนั้นมีสาเหตุที่น่าสนใจมากกว่าที่เราจะคาดถึงเลยล่ะค่ะ

นับตั้งแต่สมัยยุคดึกดำบรรพ์ เส้นขนนับเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกาย เพราะเส้นขนมีหน้าที่เป็นตัวนำความร้อน อีกทั้งยังมีหน้าที่ในการถ่ายเทความร้อน และป้องกันร่างกายจากอากาศหนาว ด้วยเหตุนี้คนในยุคดึกดำบรรพ์จึงมีขนบนร่างกายจำนวนมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้นและมีเสื้อผ้าสวมใส่ หน้าที่ของเส้นขนจึงลดลง ปริมาณเส้นขนบนร่างกายจึงลดลงตาม โดยนักวิทยาศาสตร์ได้มีการอธิบายว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ร่างกายไม่จำเป็นต้องถ่ายเทความร้อนผ่านทางเส้นขนมากเหมือนในอดีต อีกทั้งผู้หญิงที่มีขนดกก็ไม่ใช่ลักษณะที่น่าปรารถนาทางเพศสักเท่าไร จึงทำให้พันธุกรรมขนดกจางหายไปตามกาลเวลา แต่ในทางกลับกัน ก็มีการศึกษาพบว่าผู้ชายที่มีขนดกนั้นจะเป็นที่น่าปรารถนาทางเพศมากกว่าผู้ชายที่ไม่มีขน เพราะขนที่อยู่บริเวณอวัยวะเพศของผู้ชายจะช่วยกักเก็บฟีโรโมน ซึ่งเป็นกลิ่นที่ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ ส่วนขนที่อยู่บนใบหน้าอย่างเช่นหนวด และเคราก็ช่วยเสริมให้ผู้ชายดูมีความแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถสรุปได้ว่าในปัจจุบันคนเรามีเส้นขนเพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพให้กับร่างกายมากกว่าจะช่วยปกป้องร่างกายเหมือนอย่างในอดีต ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะเลือกกำจัดเส้นขนออกจากร่างกาย ด้วยเหตุผลของความสะอาด และสุขอนามัย ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีการกำจัดขนหลากหลายวิธีให้เลือกขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน แต่วิธีที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถกำจัดขนได้เรียบเนียน และให้ผลดีในระยะยาวมากกว่าก็คือ การทำเลเซอร์ขนค่ะ

การทำเลเซอร์กำจัดขน เป็นการนำเอาคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นซึ่งปลอดภัยต่อคน และทำปฏิกิริยาโดยตรงกับเส้นขนมากำจัดเส้นขนออกไปจากร่างกาย โดยพลังงานเลเซอร์ที่ว่านี้จะลงไปจับกับรากขน และทำให้รากขนฝ่อตัวลง เมื่อเวลาผ่านไป ทำซ้ำ 5 – 8 ครั้งตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็จะทำให้เส้นขนบริเวณที่เราไม่ต้องการนั้นหมดไป หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน หรือไม่มีปัจจัยกระตุ้น เส้นขนก็อาจไม่ขึ้นอีกเลย หรือหากขึ้นก็เป็นเพียงเส้นขนอ่อน ๆ เท่านั้น

และถ้าคุณมองหาการกำจัดขนด้วยเลเซอร์กำจัดขนถาวรที่ดีที่สุด ก็ต้องเป็นที่ APEX เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำในด้านเลเซอร์กำจัดขนถาวรมายาวนานกว่า 25 ปี อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การดูแลอย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อให้คุณบอกลาปัญหาเส้นขนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หรือต้องเสียเวลากำจัดขนด้วยวิธีเดิม ๆ อีกต่อไปค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

The post รู้ไหม ทำไมคนเราต้องมี ขน ? appeared first on Apex Profound Beauty.

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่น น่าจะเป็นปัญหาที่น่าอายที่สุดสำหรับผู้หญิงเรา เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ขาดความมั่นใจ แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอาจทำให้ผู้หญิงเรารู้สึกไม่สบายตัวได้อีกด้วย และด้วยปัญหากลิ่นที่ทำให้ขาดความมั่นใจ ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าสามารถช่วยกำจัดกลิ่นได้ แถมยังช่วยให้มีเพิ่มเสน่ห์ให้กับจุดซ่อนเร้นได้อีกด้วย ทว่าคุณสาว ๆ มั่นใจกันแล้วเหรอคะ ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นช่วยได้จริง แล้วจะสามารถทำให้กลิ่นตุ ๆ นั้นหายไปได้

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากอาหารที่รับประทาน การรักษาความสะอาดที่ไม่ดีพอ และในหลาย ๆ ครั้งก็เกิดจากการที่ภายในช่องคลอดไม่สะอาดได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากเกิดจากการดูแลรักษา หรืออาหารที่คุณผู้หญิงรับประทานเข้าไป ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง และหมั่นดูแลรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากเกิดจากช่องคลอดที่ไม่สะอาด ก็อย่าได้ไปทำความสะอาดด้วยการสวนล้างช่องคลอดนะคะ เพราะการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้สมดุลของแบคทีเรียภายในช่องคลอดเกิดความผิดปกติ อันนำไปสู่ปัญหาช่องคลอดแห้ง เชื้อราภายในช่องคลอด หรืออาการตกขาวที่ผิดปกติได้ค่ะ

ทั้งนี้การทำให้ช่องคลอดสะอาดมากขึ้นในเบื้องต้นก็สามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ก็สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากให้ช่องคลอดสะอาด ไปพร้อม ๆ กับเสริมความฟิตกระชับให้กับช่องคลอด เราก็ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหากลิ่นน้องสาวที่คุณมี ไปพร้อม ๆ กับการเสริมความฟิต และความแซ่บให้กับคุณสาว ๆ ได้ นั่นก็คือเทคโนโลยี Vaginal Lift ค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง ที่ช่วยแก้ปัญหาจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ที่สร้างความกังวลให้กับผู้หญิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการส่งคลื่นพลังงานเข้าไปภายในช่องคลอด กระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่น ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น และสะอาดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยที่เสี่ยงกับอันตรายต่อจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้คลื่นพลังงานที่เข้าไปภายในช่องคลอด ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และช่องคลอด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือช่องคลอดจะฟิตกระชับขึ้นทันที ซึ่งคุณสาว ๆ จะสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังทำครั้งแรก

นอกจากนี้ คลื่นพลังงานจากเทคโนโลยี Vaginal Lift ยังสามารถช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ของจุดซ่อนเร้นให้กลับมาดูกระจ่างใส และอ่อนเยาว์ได้อีกด้วยทำให้คุณสาว ๆ ที่อาจสูญเสียความมั่นใจจากการที่จุดซ่อนเร้นเกิดความโรยรา กลับมามั่นใจได้อีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเจ็บตัวอีกต่อไป

และที่ APEX เรามีเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขทุกปัญหาสุขภาพผู้หญิง และคืนความมั่นใจที่เคยหายไปจากสารพัดปัญหาจุดซ่อนเร้น อีกทั้งเรายังมีทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลตลอดการเข้ารับบริการ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้หญิงค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post กลิ่นหมี น้องสาวพัง แก้ได้ด้วย Vaginal Lift appeared first on Apex Profound Beauty.

หลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่า อาหารก็มีส่วนช่วยในเรื่องของเซ็กส์ได้เช่นกัน เพราะสารบางชนิดในอาหารสามารถช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้หลายคนหันมาสนใจเลือกรับประทานอาหารเพื่อเสริมพลังรักให้กับเรื่องบนเตียงของตนเองและคู่รักกันมากขึ้น ซึ่งอาหารที่ช่วยในเรื่องนี้ก็มีหลากหลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่พืชที่มีรสชาติสุดแซ่บอย่างพริก ที่คนจำนวนไม่น้อยต่างชอบ ก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมกิจกรรมรักร้อนแรงขึ้นได้ นับเป็น เคล็ดลับเซ็กส์ สุดแซ่บเลยล่ะค่ะ

ทั้งนี้มีงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือ Healthy Sex Drive, Healthy You: What Your Libido Reveals About Your Life พบว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่อยู่ในพริก และทำให้พริกมีรสชาติเผ็ดนั้น สามารถช่วยให้ร่างกายหลังสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้เพื่อขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สมองเกิดการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งจะส่งผลดีให้คุณมีกิจกรรมรักที่มีความสุขมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยาที่อาจเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกายในอนาคตได้ค่ะ

อย่างไรก็ตามการรับประทานพริกเพื่อเสริมพลังรักนั้นก็ควรทำอย่างพอเหมาะ เพราะหากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลเสียกับระบบลำไส้ และการขับถ่าย เนื่องจากในพริกก็มีสารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายเช่นกัน ดังนั้นถ้าอยากจะแซ่บ ก็ควรรับประทานอย่างพอเหมาะจะดีกว่านะคะ

แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบกินเผ็ด หรือรับประทานเผ็ดไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องบนเตียงของคุณสาว ๆ จะจืดชืดนะคะ เพราะยังมีอีกหลาย เคล็ดลับเซ็กส์ ที่จะเป็นตัวช่วยเสริมความแซ่บได้เช่นเดียวกัน และหนึ่งในวิธีที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกันอยู่ในตอนนี้ก็คือ เทคโนโลยี Vaginal Lift นั่นเองค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง ซึ่งสามารถช่วยยกกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอด ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับจุดซ่อนเร้นได้ ช่วยให้สาว ๆ บอกลาปัญหาสุขภาพผู้หญิงที่ทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจ ไม่ว่าจะเรื่องของความไม่ฟิตกระชับ ปัญหาช่องคลอดแห้ง จิ๋มตด หรือแม้แต่ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ อย่างปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาะเล็ด เทคโนโลยีดังกล่าวก็สามารถช่วยได้ ด้วยการใช้คลื่นพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของกล้ามเนื้อภายในจุดซ่อนเร้น ทำให้กล้ามเนื้อฟิตกระชับได้ในทันทีหลังจากทำ ขณะเดียวกันคลื่นพลังงานก็จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารหล่อลื่น ทำให้ภายในช่องคลอดเกิดความชุ่มชื้นมากขึ้น

เทคโนโลยี Vaginal Lift ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของภายในจุดซ่อนเร้น แต่ยังช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของน้องสาวให้กลับมาอ่อนเยาว์ กระจ่างใสได้อีกครั้งโดยไม่ต้องเจ็บตัวอีกด้วย เรียกได้ว่าทำครั้งเดียวได้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพึงพอใจทั้งภายใน และภายนอกเลยทีเดียว

และถ้าหากคุณสาว ๆ อยากจะเสริมความแซ่บด้วยเทคโนโลยี Vaginal Lift ล่ะก็ ที่ APEX เรามีเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิงที่ครบครัน ไม่ว่าคุณสาว ๆ จะมีปัญหาด้านในก็สามารถมั่นใจได้เราจะสามารถช่วยให้คุณกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง ด้วยการดูแลของทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสุขภาพผู้หญิงที่ดี และความมั่นใจในความแซ่บของคุณสาว ๆ ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post รู้ยัง ! อยากให้เซ็กส์แซ่บ กินเผ็ดช่วยได้ ! appeared first on Apex Profound Beauty.

เราคงได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ว่า การ ตากฝน นั้นทำให้เราเป็นหวัดได้ ทำให้หลายคนกลัวการที่จะต้องโดนฝน เพราะกลัวว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยได้ง่ายขึ้น แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าที่เชื่อกันมานานแล้วว่าการตากฝนทำให้เป็นหวัดนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้างนอกเหนือจากการหลบฝน เพื่อไม่ให้ตัวเองป่วย ถ้าอยากทราบล่ะก็ วันนี้เรามีความรู้ดี ๆ มาฝากกันค่ะ

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่าการที่เราเป็นไข้หวัดนั้น เกิดจากการที่เราติดเชื้อไวรัสที่ไม่มีความรุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินส่วนต้น ซึ่งก็คือบริเวณจมูก และคอ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม รวมทั้งอาการเจ็บคอด้วย แต่ก็ต้องบอกเลยว่ากว่าที่คนเราจะเป็นหวัดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากเราไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไวรัส หรือมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงมากพอ

ทว่าในช่วงฤดูฝน ที่มีสภาพอากาศค่อนข้างชื้น ทำให้สภาพแวดล้อมเหมาะกับการเจริญเติบโต และเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส ก็จะทำให้เราเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสมากขึ้น ยิ่งถ้าโดนฝนทำให้ศีรษะเปียกฝน จนอุณหภูมิร่างกายลดลง ก็จะทำให้เชื้อไวรัสที่ตกค้างในร่างกายเกิดการเจริญเติบโต และแบ่งตัวมากเกินกว่าภูมิต้านทานที่มีจะรับไหว หรือมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำเป็นทุนเดิม ผลที่ตามมาก็คือจะทำให้คุณเป็นหวัดได้ในที่สุดค่ะ

แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นหวัดในช่วงหน้าฝนได้บ้างล่ะ ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแต่เราหันมาใส่ใจดูแลภูมิคุ้มกันของตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เท่านี้ก็จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงมากพอจะต่อสู้กับไวรัสที่อาจมาจู่โจมเราในช่วยหน้าฝนได้แล้วค่ะ

แต่ถ้าหากคุณอยากจะเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองว่าจะสามารถปลอดภัยจากเชื้อไวรัสที่อาจทำให้ป่วยในช่วงหน้าฝนแล้วล่ะก็ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ นั่นก็คือการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยสูตรวิตามินเข้มข้นผ่านทางหลอดเลือดดำ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ IV Drip ค่ะ

IV Drip การดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่ให้ผลดีล้ำลึกถึงในระดับเซลล์ โดยสูตรวิตามินเข้มข้นที่ให้ผ่านหลอดเลือดดำนั้นร่างกายจะสามารถนำไปใช้ได้ทันที 100% โดยไม่ต้องผ่านระบบการย่อยอาหารต่างจากการรับประทานอาหารเสริมแบบเดิม ๆ เหมาะกับคนที่มีเวลาในการดูแลตัวเองน้อย หรือคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วย รวมทั้งคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีมากขึ้นโดยไม่อยากรับประทานอาหารเสริมมากเกินความจำเป็น

และที่ APEX เรามีสูตรการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip หลากหลายสูตร พร้อมทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และดูแลสุขภาพของคุณอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ๆ คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้ ด้วย IV Drip จาก APEX ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post ตากฝน ทำให้เป็นหวัดจริงหรือ ? appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่อไม่นานมานี้ APEX Medical Center ได้รับรางวัล The Best Beauty Technology Clinic จากนิตยสารไลฟ์สไตล์ชั้นนำอย่าง HELLO! THAILAND ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีที่ช่วยย้ำชัดว่า เอเพ็กซ์ของเรามุ่งเน้นคัดสรรแต่สุดยอดเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ถือเป็นระดับ Top Technology จากทั่วโลกเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น Thermage FLX, Ulthera, Coolsculpting, Emsculpt หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ Botox, Filler ที่เราเลือกใช้ก็ถูกผลิตด้วย Best Technology เช่นกัน

และต่อให้มี Best Beauty Technology แต่กลับไปอยู่ในมือผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ คุณก็ไม่สามารถได้รับ Best Result ค่ะ เอเพ็กซ์จึงมุ่งเน้นในการพัฒนาทีมแพทย์ควบคู่ไปด้วย โดยเอเพ็กซ์มี Training Center ของเราเอง ดังนั้น เมื่อมีการนำเข้าเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามา ทั้งแพทย์และทีมงานจะได้รับการอัพเดทความรู้ ฝึกเทคนิคใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับ Best Technology อยู่เสมอ

ซึ่งล่าสุดทางทีมแพทย์เอเพ็กซ์ นำโดย คุณหมอเอก―นายแพทย์เอกลัคณ์ ธรรมสุนทร ได้พัฒนาเทคนิคการฉีด ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์เทียบเท่าการศัลยกรรม แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น!! การฉีดฟิลเลอร์เทคนิคศัลยกรรม เป็นเทคนิคพิเศษเพื่อการย้อนวัยที่สามารถทำให้คุณดูเด็กลงได้ 5-10 ปีเลยทีเดียว

คุณหมอเอกเป็น Aesthetic Surgeon ที่มีประสบการณ์ระดับอาจารย์สอนการฉีดลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าของบริษัท Allergan ซึ่งคุณหมอเอกเป็นแพทย์ผู้ฝึกสอนทั้งการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เพียงไม่กี่คนจากประเทศไทย ที่ทำหน้าที่ในการเทรนเรื่องการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ให้กับแพทย์ไทยและต่างชาติทั่วทวีปเอเชียและยุโรป อีกทั้งคุณหมอเอกยังได้ศึกษาต่อเพิ่มเติมในด้านการศัลยกรรม ที่ ID Hospital โรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังของประเทศเกาหลีด้วย

ดังนั้นผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ของคุณหมอเอกจึงออกมาเรียกว่าใกล้เคียงกับการทำศัลยกรรม คุณหมอเอกเป็นผู้พัฒนาเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์นี้ขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนที่ไม่อยากเจ็บตัวไม่มีเวลาในการพักฟื้น และกลัวการทำศัลยกรรม

โดยเทคนิคการฉีด ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์เทียบเท่าการศัลยกรรมนี้ เป็นการฉีดฟิลเลอร์ทดแทนกระดูกใบหน้าที่กร่อนและไขมันใต้ผิวหนังที่ฝ่อตัวลง ซึ่งการทั้งมวลกระดูกกับไขมันใต้ชั้นผิวเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ใต้ตาลึก รวมถึงความหย่อนคล้อยบนใบหน้า

การฉีด ฟิลเลอร์ เทคนิคศัลยกรรมนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อทำให้คุณดูเด็กลง แต่ยังสามารถฉีดเพื่อแก้ไขรูปหน้าและข้อบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าได้อีกด้วย เช่น กรามยื่น โหนกสูง หน้าบาน เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนสิ่งที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ มีเพียงแต่การทำศัลยกรรมอย่างเดียวเท่านั้น

ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าก็เป็นอีกทางเลือก สำหรับคนที่ไม่อยากศัลยกรรมผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น และผลลัพธ์ที่ได้คือ คุณดูสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จนคนรอบข้างหลาย ๆ คนไม่รู้ว่าคุณไปทำอะไรมา รู้แต่ว่าคุณดูสวย ดูดีขึ้น

ใครที่มีปัญหารูปหน้าแต่ยังไม่รู้ว่าปัญหาของตัวเองจะแก้ไขด้วยวิธีไหนดี เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของเราก่อนได้นะคะ หรืออยากจองคิว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) เรื่องฉีดต้องไว้ใจเอเพ็กซ์!

The post เทคนิคขั้นสุด! การฉีด ฟิลเลอร์ เทียบเท่าศัลยกรรม appeared first on Apex Profound Beauty.

ศาสตร์การดู โหงวเฮ้ง ถูกบันทึกในตำราของจีนมานานกว่าห้าพันปี โดยเริ่มแรกเดิมทีไว้สำหรับการดูลักษณะของคนที่จะเข้ามารับราชการ ทำงานเกี่ยวกับบ้านเมือง อย่างพวกทหารหรือขุนนาง ซึ่งจะดูจาก 5 ลักษณะ คือ ใบหน้า แขน ขา ลำตัว และอากัปกิริยา เรียกว่าดูโดยรวมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียว และด้วยความที่ศาสตร์การดูโหงวเฮ้งมีมาอย่างเนิ่นนาน การถ่ายทอดเคล็ดวิชาก็มีขึ้นมากมายไปตามเวลาที่ยาวนาน วิธีการบางอย่างอาจจะปรับเปลี่ยนไปบ้างตามยุคสมัย แต่ยังคงยึดหลักการดูด้วย 5 ลักษณะเอาไว้เช่นเดิม

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปมาก การดู โหงวเฮ้ง ในปัจจุบันจึงไม่ได้มุ่งไปที่ลักษณะโดยรวมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหมือนในอดีตแล้ว อีกประการคือ ในอดีตมักจะดูให้กับชายหนุ่มเป็นส่วนใหญ่ เพราะเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน แต่ในสมัยนี้กลับกลายเป็นคุณสาว ๆ ที่หันมาสนใจการดูมากกว่า การดูโหงวเฮ้งในปัจจุบัน จึงเน้นเป็นการพิจารณาลักษณะที่ดีและโดดเด่นบนใบหน้า 5 ประการแทน จะวาสนาดี มีคนสนับสนุน ชีวิตมีความสุขสมบูรณ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโหงวเฮ้งบนใบหน้าว่ามีครบมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งในบทความนี้ ได้รับเกียรติจาก ซินแสเป็นหนึ่ง หรือ อาจารย์เป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศาสตร์โหงวเฮ้งอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย อาจารย์ได้มาบอกเล่าถึง 5 ลักษณะของโหงวเฮ้งเด่น เฮง ดีบนใบหน้าเอาไว้ดังนี้ค่ะ

1) หน้าผาก ต้องมีลักษณะกว้างพอดี โหนกนูน อิ่มเอิบ ไม่แบนราบ ไม่มีร่องบุ๋ม

2) ดวงตา ต้องมีลักษณะเล็กเรียวเฉียงขึ้นนิด ๆ นัยน์ตากลม เปล่งประกาย

3) จมูก ต้องมีลักษณะปลายหนา กลมมน คล้ายทรงของลูกชมพู่

4) ปาก ต้องมีลักษณะใหญ่และกว้างพอประมาณ ริมฝีปากล่างอิ่มอิบ ริมฝีปากบนเป็นกระจับ

5) แก้ม ต้องมีลักษณะเต็ม ไม่แห้งตอบ อิ่มเอิบ ลากยาวไปถึงคาง

นอกจากนี้อาจารย์เป็นหนึ่งยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า พื้นฐานหลักที่สำคัญบนใบหน้าคือ ใบหน้าต้องมีความกระจ่างใส ถึงแม้คุณจะมีลักษณะต่าง ๆ ที่ดีตามหลัก โหงวเฮ้ง แล้ว แต่หากบนใบหน้ายังดูหมองคล้ำ มีริ้วรอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากอายุ จากการแสดงอารมณ์ หรือแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ร่องรอย ริ้วรอยเหล่านี้ตามศาสตร์ของจีนแล้ว ยังสามารถใช้อ่านคำทำนายได้อีกด้วย อย่างเช่น

• • • หน้าผากมีรอยยับย่น มีหลายเส้นดูยุ่งเหยิง ทำนายได้ถึงชีวิตที่ลำบาก ทำงานหาเงินมาได้ก็ต้องเอาไปให้คนอื่นใช้ ต้องพบเจอกับเรื่องเครียดตลอด

• • • รอยย่นระหว่างคิ้วแนวตรง ทำนายว่าเป็นคนที่มักแยกผิดถูกไม่ได้ ชอบคิดลบ เข้มงวดมีวินัย (มากเกินไป) มักต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมาย มีคดีความ โดนฟ้องร้อง

• • • รอยย่นระหว่างคิ้วแนวนอน ทำนายว่าเคยผ่านการป่วยหนัก ต้องผ่านความทุกข์ยาก เป็นคนมีลางสังหรณ์พิเศษ

• • • รอยย่นบริเวณหัวตา ตาดูเศร้า ทำนายว่าชีวิตมักจะเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ทำคุณความดีกับคนไม่ขึ้น

พอหลายคนไปส่องกระจกแล้วพบว่าบนใบหน้าตัวเองเริ่มมีริ้วรอยต่าง ๆ ปรากฏให้เห็น ซึ่งบางริ้วรอยตามหลัก โหงวเฮ้ง แล้วสามารถอ่านไปได้ในหลายลักษณะตามข้างต้น หลายคนก็จะแอบกังวลแล้วว่าจะมีวิธีใดบ้างที่ทำให้ริ้วรอยเหล่านั้นหายไปได้ ในสมัยก่อนผู้คนจะนำเอาผลไม้ รากไม้ สมุนไพร หรือสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติมาบำรุง ฟื้นฟูใบหน้า พอมาถึงในยุคนี้ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ถูกพัฒนาก้าวล้ำขึ้นมาก การจะบำรุงฟื้นฟูใบหน้า หรือกำจัดในส่วนที่ไม่ต้องการกลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเลยว่าปัญหาที่ขาดไปหรือปัญหาที่เพิ่มขึ้นมาจะแก้ไขไม่ได้ และไม่ต้องกลัวว่าต้องถึงขั้นทุบหน้าทำใหม่นะคะ เพราะการปรับรูปหน้าให้เด่น เฮง ดีตามหลัก โหงวเฮ้ง นั้น ไม่จำเป็นต้องแก้ด้วยการทำศัลยกรรมเสมอไป

สำหรับในยุคนี้ การปรับแก้ เสริมเพิ่มให้เกิดความสมดุลบนใบหน้าเพื่อให้เป็นไปตามหลักโหงวเฮ้ง มีวิธีการง่าย ๆ อยู่ค่ะ ด้วยการใช้สารลดเลือนริ้วรอยอย่าง โบท็อกซ์ (Botox) และการใช้สารเติมเต็มอย่าง ฟิลเลอร์ (Filler)

โบท็อกซ์ (Botox) หรือโบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A) เป็นสารลดเลือนริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องริ้วรอยลึกที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา รอยย่นระหว่างหัวคิ้ว รอยเส้นบนหน้าผาก เป็นต้น โบท็อกซ์ เมื่อฉีดเข้าไปจะจับที่ปลายประสาททำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ หรือก็คือทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว หลังฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถแสดงสีหน้าต่าง ๆ ได้ตามปกติ จะยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว เพียงแต่ริ้วรอยที่มักเกิดจากการแสดงอารมณ์เหล่านี้ก็จะลดลงไป และยังสามารถฉีดยกคิ้ว ทำให้ตาดูของคุณดูเฉี่ยวขึ้น ปรับเปลี่ยนโหงวเฮ้งได้อย่างง่ายดาย

ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่ที่นิยมและปลอดภัยที่สุด คือ สารไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกว่า เอชเอ (HA) เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า ฟิลเลอร์ เมื่อฉีดเข้าไปจะไปทดแทนและเติมเต็มใยคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อมสลาย ช่วยพยุงโครงหน้าให้เกิดการยกกระชับ กลับมาดูอิ่มเอิบ เพิ่มความยืดหยุ่น เติมร่องริ้วรอยลึกให้ตื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยทดแทนไขมันที่ฝ่อตัวลงและมวลกระดูกที่กร่อนบางลงไปตามอายุ เมื่อฉีดแล้วนอกจากจะช่วยเติมเต็ม ยังทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น เปรียบเสมือนการเสริมโครงสร้างปักเสาเข็มให้ใบหน้า บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมโหงวเฮ้ง คือ ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก และฟิลเลอร์คาง ถึงจะเป็นบริเวณที่นิยมฉีดกันมาก แต่ก็เป็นบริเวณที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมากในการฉีด

ทั้งการฉีดโบท็อกซ์ และการฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นวิธีการปรับรูปใบหน้าและฟื้นฟูใบหน้าได้แบบง่าย ๆ อยากให้เป็นไปตามหลัก โหงวเฮ้ง หรืออยากดูแลตัวเองให้ดูดีก็ทำได้ แถมไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทยและต่างประเทศ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการเข้ารักษา แต่การมีผลิตภัณฑ์ที่ดี ได้มาตฐานปลอดภัยสูงเพียงอย่างเดียว ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจนะคะ ต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญอีกอย่าง นั้นก็คือ แพทย์

แพทย์ที่เชี่ยวชาญจะต้องเข้าใจถึง Personalization ของผู้เข้ารับการรักษา ไม่ใช่เพียงการฉีดถมเข้าไปให้เต็มโดยไม่สนใจโครงสร้างใบหน้าของคนไข้เลย เลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับบริเวณที่จะฉีด อีกทั้งต้องรู้จักชั้นผิวแต่ละชั้นเป็นอย่างดีอีกด้วย ยิ่งกับบนใบหน้าที่เหมือนจุดศูนย์รวมเส้นเลือดยิ่งต้องระวัง ฝีมือของแพทย์จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ

จะพังหรือจะปังควรศึกษาที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้และแพทย์ที่จะทำการฉีดให้นะคะ เอเพ็กซ์อันดับ 1 เรื่องยกกระชับปรับรูปหน้ามานานกว่า 25 ปี ศูนย์รวมของอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ คุณสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่คุณจะได้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตัวคุณเองจะปรับโหงวเฮ้งด้วยวิธีไหน สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือนัดปรึกษาแพทย์ได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า)

The post ทำสวยทั้งที ต้องให้ถูก โหงวเฮ้ง ด้วย appeared first on Apex Profound Beauty.

สำหรับสาว ๆ แล้ว ปัญหาช่องคลอดแห้งคือเรื่องที่ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไร เพราะทำให้เกิดอาการ แสบ ๆ คัน ๆ แถมยังรู้สึกไม่สบายตัวด้วย แต่นอกเหนือจากนั้นการที่มีปัญหา ช่องคลอดแห้ง ก็ยังสร้างปัญหาให้กับเรื่องบนเตียง ทำให้กิจกรรมรักที่เคยราบรื่นมีอันต้องสะดุดได้ ยิ่งร้ายไปกว่านั้นอาจถึงส่งผลเสียต่อจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงได้อย่างร้ายแรงเลยเชียวล่ะ

อาการช่องคลอดแห้ง เป็นปัญหาจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงที่สามารถพบได้ทุกวัย โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ความเครียด ภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด การรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด การสวนล้างช่องคลอด การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ผู้หญิงที่มีการผ่าตัดรังไข่ออก หรือออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อเกิดอาการขึ้นแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาความแห้ง แสบ และคันภายในช่องคลอด หรือเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงตามมากได้ และหากในช่วงที่มีอาการนั้นมีเพศสัมพันธ์แล้วล่ะก็อาจทำให้เสี่ยงต่ออาการเลือดออก หรือทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิมค่ะ

ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ปัญหาช่องคลอดแห้ง จนทำให้เรื่องบนเตียงต้องสะดุด สิ่งแรกที่ควรทำคือแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งอาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปรึกษาแพทย์ หรือถ้าหากต้องการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนและเห็นผลเร็ว ก็มีเทคโนโลยีดี ๆ อย่าง Vaginal Lift ที่สามารถช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

Vaginal Lift เทคโนโลยีการยกกระชับช่องคลอด และจุดซ่อนเร้นที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือภายในช่องคลอดที่แข็งแรง กระชับมากขึ้นเท่านั้น แต่คลื่นพลังงานที่ใช้ในการยกกระชับยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารหล่อลื่นภายในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดกลับมาชุ่มชื้นในทันทีหลังจากทำ ทำให้คุณสาว ๆ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น บอกลาอาการแห้งแสบ และอาการระคายเคืองที่ทำใหเรื่องบนเตียงต้องสะดุดไปได้เลย โดยที่คุณสาว ๆ ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกต่อไป ทำเสร็จแล้วสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยล่ะค่ะ

และถ้าคุณกำลังต้องการให้ Vaginal Lift ช่วยคุณแก้ปัญหาช่องคลอดแห้งให้คุณ ที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิง และเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาจุดซ่อนเร้นให้ผู้หญิงได้อย่างครบวงจร โดยที่คุณผู้หญิงไม่ต้องกลัวเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะเรื่องของจุดซ่อนเร้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ให้ เทคโนโลยี Vaginal Lift และ APEX ดูแลคุณดีกว่าค่ะ รับรองว่าไม่มีทางผิดหวังอย่างแน่นอน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post ระวัง ! ช่องคลอดแห้ง ทำเซ็กส์สะดุด appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่ออาการเจ็บป่วยอยู่ใกล้เรามากกว่าที่คิด สิ่งที่เราควรทำก็คือการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งการที่เราจะมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ก็จะต้องมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ด้วยเหตุนี้การรับประทานอาหารเสริม แร่ธาตุ และวิตามินจึงเป็นเรื่องที่หลายคนหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะ วิตามินซี ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดวิตามินที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับวิตามินซีกันให้มากขึ้น รับรองว่าใครที่ได้รู้จักกับวิตามินชนิดนี้แล้วจะต้องหลงรักอย่างแน่นอนค่ะ

วิตามินซี (Vitamin C) เป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของความเสื่อมในร่างกาย ในขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาวนั้นมีหน้าที่ในการต่อสู้ และกำจัดเชื้อโรค รวมทั้งเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมก็จะทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เมื่อเม็ดเลือดขาวแข็งแรง ร่างกายก็จะสามารถต่อสู้กับเชื่อโรคได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ใช้ วิตามินซี แบบไหนดีที่สุด ?

ด้วยเพราะวิตามินซีเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่คนหันมารับประทานเพื่อเสริมสุขภาพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการผลิตวิตามินซีออกมาหลายรูปแบบมากขึ้น แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ ชนิดเม็ดรับประทาน และชนิดเข้มข้นให้ผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งทั้ง 2 แบบมีข้อดีที่แตกต่างกันดังนี้

• ชนิดเม็ด วิตามินซีชนิดนี้จะมีข้อดีตรงที่พกพาสะดวก และรับประทานง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมวิตามินซีให้ร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากวิตามินชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะดูดซึมนำไปใช้ได้เพียง 20 – 30% จึงอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านสุขภาพที่ชัดเจน
• ชนิดเข้มข้นให้ผ่านหลอดเลือดดำ วิตามินซีชนิดนี้ ถือเป็นวิธีที่สะดวกไม่แพ้กัน เพราะไม่ต้องรับประทาน แต่สามารถให้ผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรง ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบเร่งด่วน เนื่องจากวิตามินซีชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที 100% ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลารับประทานอาหารเสริมติดต่อกันนาน ๆ

อย่างไรก็ตามการเลือกใช้วิตามินซีเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ หรืออาจปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าสามารถใช้วิตามินซีได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ค่ะ

และที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Anti-Aging ที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านการดูแลภูมิคุ้มกัน และมีสูตรการดูแลสุขภาพด้วยวิตามินซีเข้มข้นอย่าง IV Drip มากมายหลายสูตร เพื่อให้คุณเลือกได้ตามความต้องการเรื่องสุขภาพ เพราะเรื่องของสุขภาพไม่ใช่เรื่องที่ควรรออีกต่อไป ให้ IV Drip จาก APEX ช่วยเสริมวิตามินซีให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นดีกว่าค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post ‘วิตามินซี’ สุดยอดวิตามินเพื่อภูมิคุ้มกัน appeared first on Apex Profound Beauty.

ถ้าพูดถึงเรื่องบนเตียงแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีอารมณ์ร่วมขึ้นมา ก็อาจจะทำให้เรื่องบนเตียงต้องสะดุดได้ และเพราะเหตุนี้คู่รักหลายคู่ที่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงที่สุขได้ไม่สุดเหมือนเก่า หรือต้องใช้เวลานานกว่าจะมีอารมณ์ร่วมจึงต้องหาวิธีในการแก้ปัญหา ซึ่งในปัจจุบันการใช้ยา ไวอากร้า ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่พูดถึงกันมากที่สุด ทว่ายาชนิดนี้ก็ใช้ได้แค่ในผู้ชายเท่านั้น เพราะการใช้ยาชนิดนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่อันตรายตามมาได้อย่างมากมายเลยทีเดียว

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่ายาไวอากร้าที่วางขายในท้องตลาดนั้นไม่ได้มีฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด แต่เป็นยาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวเท่านั้น จึงไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องอารมณ์ทางเพศอย่างที่เข้าใจ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อตัวยาไม่ได้มีฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แม้ผู้หญิงจะรับประทานเข้าไปก็จะไม่ส่งผลใด ๆ ต่ออารมณ์ทางเพศของผู้หญิง และไม่ได้ทำให้จุดซ่อนเร้นของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังอาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย อาทิ อาหารไม่ย่อย เหนื่อยหอบ หน้าแดง ท้องร่วง ที่รุนแรงที่สุดก็คือ อาจถึงขั้นทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตได้เลยล่ะค่ะ

ฉะนั้นถ้าคุณสาว ๆ อย่างกระตุ้นอารมณ์รักให้มากขึ้นแล้วล่ะก็ อย่ารับประทานยาไวอากร้าเลยเชียวนะคะ แต่ให้ลองหาวิธีที่เพื่อช่วยเสริมอารมณ์รักก่อนจะดีกว่าค่ะ โดยเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง นอนหลับให้เพียงพอ และพยายามไม่เครียด นอกจากนี้ในขณะที่มีกิจกรรมทางเพศอาจจะหาตัวช่วยเพื่อสร้างบรรยากาศให้โรแมนติกขึ้น ก็จะช่วยให้คุณสาว ๆ มีอารมณ์ร่วมได้มากขึ้น แต่ถ้าหากลองทุกวิธีแล้วคุณสาว ๆ ยังรู้สึกว่าตัวเองยังสุขไม่สุด หรือไม่ค่อยฟินเท่าที่ควร เราก็มีเทคโนโลยีดี ๆ อย่างเทคโนโลยีเก้าอี้สร้างสุขหรือ Emsella มาแนะนำค่ะ

Emsella หรือเก้าอี้สร้างสุข เทคโนโลยีเสริมสร้างสุขภาพเพศด้วยการใช้คลื่นพลังงานอิเล็กโทรแม็กเนติกแบบเฉพาะเจาะจง หรือ HI-FEM (High Intensity Focused Electro Magnetic) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง เข้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดการหดเกร็งมากกว่าการออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน โดยในเวลาเพียง 28 นาทีก็เทียบเท่ากับการออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานถึง 11,200 ครั้ง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงทำงานได้ดีขึ้น ผลที่ตามมาหลังจากการทำ Emsella ก็คือ กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะแข็งแรงขึ้น และระบบเส้นประสาทบริเวณจุดซ่อนเร้นทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกได้มากขึ้น ฟินได้สุดยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยา หรืออาหารเสริม และไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกต่อไป

และที่ APEX เราเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเอาเทคโนโลยี Emsella มาให้บริการในประเทศไทย อีกทั้งเรายังเป็นผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพผู้หญิงอย่างแท้จริง ด้วยทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การดูแล และช่วยแก้ปัญหาสุขภาพผู้หญิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกลาปัญหาแซ่บไม่สุด หรือไม่มีอารมณ์ร่วมไปได้เลยค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post อันตรายจาก ไวอากร้า ผู้หญิง ต้องระวัง appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา เอเพ็กซ์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ (Apex Medical Center)  ศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน MERZ 5th GOLDEN RECORD AWARD NIGHT 2020 ซึ่งเป็นงานมอบรางวัล Ulthera ระดับเอเชียแปซิฟิคถูกจัดขึ้นโดย เมิร์ซ เอสเธติกส์ เอเชียแปซิฟิค (Merz Aesthetics Asia Pacific) ผู้จัดจำหน่ายนวัตกรรมเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องยกกระชับอัลเทอร่าจากอเมริกา โดยงานนี้ถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในคอนเซป You Are The Greatest

ภายในงาน MERZ 5th GOLDEN RECORD AWARD NIGHT 2020 เอเพ็กซ์ของเราได้รับรางวัลสูงสุดถึง 2 รางวัลด้วยกัน คือ ULTHERAPY CONTROL UNIT WINNER HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC มอบแก่คลินิกความงามที่มีเครื่องอัลเทอร่ามากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และรางวัลสูงสุดอีกหนึ่งรางวัลคือ ULTHERAPY HIGHEST ACHIEVEMENT THAILAND มอบแก่คลินิกความงามที่ทำอัลเทอร่ามากที่สุดในประเทศไทย

โดยมีทีมแพทย์เอเพ็กซ์ทั้ง 5 ท่านขึ้นเป็นตัวแทนรับรางวัล ULTHERA HIGHEST ACHIEVEMENT AWARD 2020 ได้แก่ แพทย์หญิงจิรา คุณากรวงศ์, แพทย์หญิงชมเพลิน เสี้ยนสลาย, แพทย์หญิงณพัฐอร พงษ์ศรีหดุลชัย, แพทย์หญิงวิเวียน อุดม และแพทย์หญิงศิริรัตน์ พูลทรัพย์

อัลเทอรา (Ulthera) หรือ อัลเทอราพี (Ultherapy) เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ด้วยพลังงานในรูปแบบ Focused Ultrasound โดยส่งผ่านคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีพลังงานความถี่สูง ซึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังลึกที่เรียกว่า SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวค่อย ๆ ตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ Ulthera ยังผ่านการรับรองจาก FDA (Food and Drug Administration) ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเพื่อใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของคุณ

อัลเทอร่าเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเอเพ็กซ์มาตลอด 10 กว่าปี เพราะเรามีเทคนิคพิเศษที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์แบบ Hyper-personal Lift ที่ดีไซน์เฉพาะบุคคลแบบไม่เหมือนใคร ด้วยโปรแกรมที่เรียกว่าUlthera SPT Technique เป็นแบบ Customize ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคนนั้นจะถูกดีไซน์การใช้พลังงาน ความถี่ในการยิง และเลือกใช้หัวยิงไม่เหมือนกัน โดยแพทย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคลไปในการรักษาแต่ละครั้ง

ซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในทุกช็อตที่ยิงลงไป และเกิดประสิทธิผลจริงที่ดีที่สุดหลังจากทำเสร็จแล้ว หากการยิงพลังงานลงไปทุกช็อตได้คุณภาพ ตรงจุด แม่นยำ การยกกระชับก็จะเกิดขึ้นจริง

ซึ่งการได้รับรางวัล ULTHERA HIGHEST ACHIEVEMENT ถึง 2 รางวัลจากข้างต้น นับเป็นการการันตีคุณภาพและความเป็นมืออาชีพในด้านการยกกระชับที่ APEX Medical Center มีมาตลอด 25 ปี และเราให้คำมั่นว่าจะยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ให้ได้รับความน่าพึงพอใจที่สุด และปลอดภัยที่สุด เรื่องยกกระชับไว้ใจ APEX ค่ะ

สนใจการยกกระชับด้วยอัลเทอร่า จองคิวแพทย์ได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) นะคะ

The post 5th Gloden Record Award – รางวัล Ulthera Highest Achievement ระดับเอเชียแปซิฟิค appeared first on Apex Profound Beauty.

การมีรอยยิ้มที่สวยงาม เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ เพราะมันสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้อย่างมาก ซึ่งนอกจากฟันที่เรียงตัวสวยงามแล้ว เหงือกก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เสริมให้รอยยิ้มสวยงามมากขึ้น แต่ก็ต้องมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ขาดความมั่นใจในรอยยิ้มเพราะมีเหงือกสีคล้ำ เช่นเดียวกับคุณเล็ก – ชนาธิป ซ้อนขำ ผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่เคยประสบกับปัญหานี้จนกระทั่งเข้ามารับการรักษาด้วยการทำเลเซอร์เหงือกชมพูที่ APEX วันนี้เราจะพาไปดูรีวิว เลเซอร์เหงือกชมพู ของคุณเล็ก ว่าจะประทับใจกับผลลัพธ์มากขนาดไหนกันค่ะ

Q : ก่อนหน้านี้มีปัญหาอะไรบ้าง ?

A : เริ่มแรก รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ยิ้มแล้วเห็นเหงือกเป็นสีดำ แล้วรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่จะยิ้มกว้าง ๆ หรือยิ้มแล้วเห็นฟัน บางคนก็ทักว่าทำไมถึงมีเหงือกดำ หรือมีลักษณะเหมือนรอยช้ำตรงตามไรฟัน ทำให้ไม่มั่นใจ ไม่อยากจะยิ้ม ไม่กล้ายิ้ม

Q : เพราะอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเหงือกดำเป็นปัญหา ?

A : เป็นเพราะว่า ด้วยลักษณะการทำงาน ต้องเจอผู้ใหญ่ เจอการพรีเซนต์งาน หรือต้องเจอน้อง ๆ เด็ก ๆ เวลาสอนกีฬา ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่มั่นใจ เลยตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาเหงือกดำว่าสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีใดได้บ้าง หาทั้งสาเหตุ และวิธีแก้ไข ปรากฎว่ามันเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม หรือแม้แต่การแปรงฟันแรง ๆ การสูบบุหรี่ หรือปัญหาต่าง ๆ ก็ก่อให้เกิดปัญหาเหงือกดำได้

Q : รู้จัก APEX Dental ได้อย่างไร ?

A : พอเรารู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร แล้วเราก็อยากรู้ว่ามีใครเป็นแบบเราบ้างไหม ก็เลยเสิร์ชหาข้อมูลดู ทำให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม และได้เห็นการเปรียบเทียบระหว่างคลินิกทันตกรรมต่าง ๆ มีการมารีวิว และให้ข้อมูลว่าสามารถรักษาปัญหาเหงือกดำได้ด้วยเลเซอร์ ก็เลยทำให้รู้สึกสนใจมาสักพัก และเมื่อหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาก็ทำให้ได้เจอว่าที่ APEX Dental ก็มีเลเซอร์ที่รักษาปัญหาเหงือกดำด้วยเหมือนกัน จึงตัดสินใจติดต่อมา และได้พูดคุย และปรึกษาปัญหานี้กับทีมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็ค่อนข้างสะดวก และง่ายกว่าที่คิดไว้มาก

Q : ในการเข้ามารักษามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?

A : หลังจากที่ได้ติดต่อสอบถามข้อมูลจนเข้าใจแล้ว ก็ตัดสินใจนัดวันเข้ามาเจอกับคุณหมอ พอเราได้เข้ามาที่คลินิกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำขั้นตอนต่าง ๆ วิธีการรักษา การดูแลต่าง ๆ หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาประเมินอาการของเหงือก ซึ่งก็ค่อนข้างมีปัญหาเยอะมาก โดยตรงเหงือกจะช้ำ และดำชัดเจนมาก ชนิดที่ว่ายิ้มแล้วเห็นเลยค่ะ ไม่ว่าจะยิ้มแคบ ยิ้มกว้าง เราก็จะเห็นว่าตรงไรฟันมันค่อนข้างที่จะคล้ำมาก คุณหมอก็บอกว่าเคสนี้ค่อนข้างเป็นเยอะ ตอนทำก็อาจจะมีอาการเจ็บนิดหน่อย ซึ่งก็จะเจ็บตอนฉีดยาชา ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเจ็บจนทนไม่ได้ เพียงแต่รู้สึกว่าเวลาเดินยามันจะเจ็บ แต่ตอนทำเลเซอร์นี่ไม่เจ็บเลย ไม่รู้สึกเลย สบายมาก

Q : หลังจากทำ เลเซอร์เหงือกชมพู แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ?

A : พอหลังจากทำเลเซอร์เสร็จ ก็เห็นว่าเหงือกที่เคยดำกลายเป็นสีชมพูทันที แต่ก็ยังมีรอยแผลอยู่บ้าง ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้ทายาบริเวณที่เป็นรอยเลเซอร์ พอผ่านไป 1 คืน ก็รู้สึกว่ามันดีขึ้น แล้วก็ได้เห็นว่ามันไม่ได้มีรอยแผลเยอะอย่างทึ่คิด แต่ก็ยังทายาตามที่คุณหมอแนะนำ อาการปวดก็น้อยลง และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เลเซอร์วันนี้ พรุ่งนี้ก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติเลย อาจจะยังยิ้มได้ไม่สะดวกมากนัก แต่ก็นับว่ารู้สึกดีและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

Q : ผลลัพธ์ที่ได้ รู้สึกประทับใจมากแค่ไหน ?

A : หลังจากทำแล้ว 2 – 3 วันก็ได้ลองถ่ายภาพเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงดู ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เหงือกเป็นสีชมพูมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แตกต่างจากช่วงแรกที่มีปัญหาทำให้เราไม่มั่นใจ เราก็ยิ้มได้มากขึ้น ยิ้มโชว์คนอื่นเลยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป มีอะไรต่างจากเดิมไหม เรามั่นใจมากขนาดว่า เราถามทุกคนที่เคยเห็นว่าเรามีปัญหาเรื่องเหงือกดำ เราก็โชว์ทุกคนเลย ทุกคนก็บอกว่ามันต่างมาก ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็เริ่มถามว่าทำที่ไหน ที่อย่างไร ราคาเป็นอย่างไรบ้าง เรารู้สึกประทับใจที่เราเลือกไม่ผิดที่มาทำเลเซอร์เหงือกชมพูที่ APEX ค่ะ

ได้ทราบถึงขั้นตอน และความประทับใจจากการทำเลเซอร์เหงือกชมพูของคุณเล็ก – ชนาธิป ซ้อนขำ ที่ APEX Dental Studio กันแล้ว ใครที่มีปัญหาเหงือกดำจนทำให้ขาดความมั่นใจ ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมทันตแพทย์ที่ APEX ได้นะคะ เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้การดูแลด้วยมาตรฐาน JCI ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามได้อีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

ปรึกษาการรักษาเหงือกดำด้วยเลเซอร์ โดยทันตแพทย์เฉพาะทางได้ที่ APEX Dental Center

• Inbox : m.me/apexdentalcenter
• Line@ : http://line.me/ti/p/%40apexdentalcenter

สาขาเพลินจิต โทร. 062-6623000

สาขาทองหล่อ โทร. 081-9409974

บทความที่ท่านอาจจะสนใจ

• 6 วิธี ทำฟัน เพื่อใบหน้าสวย โดยไม่ต้องศัลยกรรม
• การออกแบบรอยยิ้มด้วย Digital Smile Design 
• ครอบฟัน รากฟันเทียม สะพานฟัน ฟันปลอม ต่างกันอย่างไร 
• ฟันเหลือง เปลี่ยนให้เป็น ฟันขาว ด้วยการฟอกสีฟันด้วยเทคโนโลยี ZOOM Teeth Whitening

The post รีวิว เลเซอร์เหงือกชมพู เพื่อรอยยิ้มที่สวยงาม appeared first on Apex Profound Beauty.

หนึ่งในความกังวลสำหรับคนที่ไม่เคย เสริมจมูก มาก่อนก็คงไม่พ้นการที่จมูกอาจทะลุ เกิดปัญหาหลังจากทำจมูกมาแล้ว หรือจมูกมีอาการคด เบี้ยว และต้องเจ็บตัวอีกครั้งเพื่อแก้ทรงจมูก เช่นเดียวกับคุณปลา ที่มีความกังวลเรื่องของการทำจมูกเพราะเนื้อน้อย เลยไม่กล้าเสริมจมูก ทำให้ต้องหาทางเลือกที่จะสามารถเสริมจมูกได้ ซึ่งคุณปลได้ไว้วางใจให้ Apex ช่วยดูแลปัญหานี้ จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันนะคะ

ไม่เคยทำจมูกมาก่อนเลย

“ใช่ค่ะ ก่อนที่เราจะเข้ามาปรึกษาเรื่องทำจมูกคือกลัวมาก ๆ เพราะมีเพื่อนที่เคยทำจมูกด้วยวัสดุเทียม แล้วเกิดการเบี้ยว คดจนเห็นได้ชัด สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจ็บตัวเพื่อแก้ซ้ำ ๆ กลายเป็นความกลัวเลยค่ะ อีกอย่างคือเมื่อก่อนวัสดุที่ใช้มักจะเป็นวัสดุเทียม ปัญหาใหญ่เลยคือเป็นคนเนื้อจมูกน้อย ถ้าหากเสริมจมูกไปก็กลัวว่าจะทะลุ ถึงแม้ปัจจุบันจะมีวัสดุธรรมชาติเพิ่มขึ้นให้เลือกใช้ แต่ก็ไม่ได้มีให้เลือกมากเท่ากับวัสดุเทียม เลยยิ่งทำให้กังวลมากกว่าเดิมเลยค่ะ”

เลือก Apex เป็นตัวช่วยเสริมจมูก

“เราหาข้อมูลว่าแบบที่เรามีที่ไหนบ้าง แล้วที่ไหนดี ซึ่งที่ Apex เนี่ยมีคนบอกว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่มีวัสดุธรรมชาติให้เลือก นอกจากที่เนื้อน้อยแล้ว เราก็ยังกังวลว่า ถ้าหากทำจมูกมาแล้วจะดูเป็นธรรมชาติไหม ทรงจมูกที่ได้เป็นไปตามต้องการไหม มีโอกาสจมูกทะลุหรือเปล่า ตอนที่เข้ามาที่ Apex คุณหมอสมบูรณ์ ไหวพริบ เป็นคนดูแลเคสของเราค่ะ ซึ่งมีคนรู้จักของเราบอกหลายคนแล้วว่าคุณหมอสมบูรณ์เป็นมือหนึ่งเรื่องของการทำจมูกเลย เทคนิคที่เราสนใจจะทำคือเทคนิคเสริมจมูกกระดูกอ่อนละเอียด เนื่องจากเป็นวัสดุธรรมชาติและจะคงอยู่กับเราถาวร แถมเรายังศึกษามาบ้างแล้วว่าข้อดี ข้อเสียเป็นอย่างไร วันที่พบคุณหมอ เรามีคำถามเยอะมากจากความกังวลของเราเอง คุณหมอให้คำแนะนำเราดีมาก ๆ จนคล้ายกังวล แถมคุณหมอยังรับรองว่าการเสริมจมูกกระดูกอ่อนละเอียดจะไม่มีการทลุ ซึ่งพอฟังถึงตรงนี้ เราโอเคกับผลลัพธ์ที่จะได้มากๆ แถมยังปลอดภัยเพราะใช้กระดูกของเราเองอีกด้วย

“ตอนนี้ทำมา 3 เดือนแล้วค่ะ ทรงสวย เป็นธรรมชาติ มั่นใจมาก ๆ ว่าไม่ทะลุแน่นอน”

หลายคนที่กำลังสงสัยว่า แล้วการเสริมจมูกกระดูกอ่อนละเอียดมีเทคนิดแบบใด เราด้นำข้อมูลมาฝากกันค่ะ

การเสริมจมูกกระดูกอ่อนละเอียดเป็นการนำเอาผิวชั้นนอกของกระดูกซี่โครงมาผ่านกรรมวิธีเพื่อให้ได้กระดูกอ่อนที่มีอนุภาคเล็กเพื่อมาใช้ขึ้นเป็นโครงก่อนจะตกแต่งให้เป็นทรงตามที่ต้องการในการเสริมจมูกแบบนี้จะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้จากภายในร่างกายเนื่องจากเป็นการนำเอาวัสดุตัวเองมาใช้ในการเสริมจมูกซึ่งส่งผลให้ไม่เกิดอาการแพ้หรือต่อต้านจากร่างกายแน่นอนค่ะ

ใครที่กำลังมองหาวิธีการ เสริมจมูก หรือกำลังตัดสินใจที่จะทำจมูกให้เป็นธรรมชาติ และสามารถเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ ลองเอาเทคนิคนี้เก็บไว้เป็นตัวเลือกด้วยนะคะ เพราะที่ Apex เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำในเรื่องของการเสริมจมูกอย่างตรงใจ ปลอดภัย ทรงสวยถูกใจแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เสริมจมูก ทำจมูก 
โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurgery

The post เสริมจมูก ครั้งแรกที่ Apex หมดกังวลปัญหาปลายจมูกบาง appeared first on Apex Profound Beauty.

เมื่อริ้วรอยที่มีทำเอาหมดความมั่นใจ และต้องหาทางแก้ปัญหาใหม่ เช่นเดียวกับคุณแหม่มที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาหนังตาตก คิ้วตก ซึ่งด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยเกิดขึ้นบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า ชั้นตาหลบใน และทางแก้ปัญหาที่เคยทำก็ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ตามที่ต้องการ ทำให้คุณแหม่มไว้วางใจให้ Apex แก้ปัญหาด้วยการ ดึงหน้า ส่องกล้องปักหมุด จะเป็นอย่างไรนั้น เรามีข้อมูลมาฝากกันค่ะ

ปัญหาที่เจอและความกังวลใจ

“ก่อนหน้านี้เคยฉีดโบท็อกซ์ค่ะเพื่อแก้ปัญหา แต่ตาของเรามันตกลงมาค่อนข้างเยอะ ซึ่งโบท็อกซ์ก็ช่วยแก้ไขได้ระดับหนึ่ง แต่มันไม่ยกขึ้นได้ตามระดับที่เราต้องการ ยิ่งอายุเข้าเลข 4 ใกล้เลข 5 ด้วยแล้ว การฉีดโบท็อกซ์มันก็ไม่ได้ช่วยได้เท่ากับเมื่อตอนอายุยังเลข 3 ค่ะ แล้วปัญหาที่ทำให้กังวลใจมาก ๆ คือ หน้ามันดูไม่สดใส ตาก็ดูเหนื่อย ๆ มีคนทักบ่อยว่าหน้าดุ ตรงตามันตกลงมาเยอะจนเห็นชัด เวลาแต่งหน้าหรือต้องแต่งตา กรีดอายไลเนอร์ จะต้องใช้เวลานานในการแต่งหน้าเพราะชั้นตาสองชั้นที่ตกลงจนชั้นตาหลบใน ยิ่งเพิ่มขั้นตอนที่ยุ่งยากให้กับตัวเองมากขึ้น จนรู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้ว เราต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้”

ความคาดหวังที่อยากได้

“เราคาดหวังว่าทำแล้วผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปตามที่หวัง เพราะที่ Apex นี่มีชื่อเสียง ยิ่งเมื่อได้คุยกับคุณหมอ บอกถึงความกังวลใจที่มี คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมาก ๆ รวมไปถึงข้อมูลก่อนการผ่าตัดอย่างชัดเจน หรือเมื่อเรามีปัญหาที่สงสัยหรือกังวลใจ จริง ๆ เราก็หาข้อมูลก่อนทำมาก่อนแล้วว่าปัญหาแบบเราเนี่ย จะต้องใช้วิธีอะไรในการแก้ปัญหา ซึ่งไปเจอว่าการดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดเนี่ยเหมาะกับปัญหาที่เรามี ทางคุณหมอได้บอกเล่าถึงการยกชั้นตา ยกคิ้วให้เราทราบว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าหากทำแล้วมันจะยกขึ้นในระดับนี้ ซึ่งพอได้ฟัง เราพอใจกับจุดที่จะยกขึ้นมาก ๆ เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องการ และหวังว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ตาดูกลมโต สดใส ไม่เหนื่อย ใบหน้าดูไม่ดุ”

คุณแหม่มรู้จัก Apex ได้ไงคะ

“จริง ๆ รู้จัก Apex มานานแล้วค่ะ ว่าเขามีชื่อเสียงที่นอกจากการดึงหน้าแล้ว เรื่องการยกกระชับใบหน้าหรือการเลเซอร์ ที่นี่ดังมาก ๆ หลังจากได้เข้ามาคุยรู้สึกมั่นใจมาก ๆ ทั้งคุณหมอ แถมเรื่องการบริการก็ดี พนักงานดูแลเราดีมาก รู้สึกมั่นใจที่เลือกที่นี่เลยค่ะ”

“ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาผ่าตัดแล้วค่ะ ตื่นเต้นมาก ๆ เลย แต่เรามั่นใจกับฝีมือของคุณหมอและ Apex มากๆ แล้วมารอดูผลลัพธ์ไปพร้อม ๆ กันนะคะ”

ใครที่กำลังหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องตาตก คิ้วตก หน้าดุ ดวงตาไม่สดใส แล้วสนใจแก้ปัญหาแบบเดียวกับคุณแหม่มก็ลองเก็บวิธีการดึงหน้าส่องกล้องปักหมุดไว้เป็นหนึ่งในทางเลือกนะคะ เพราะ Apex เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำ และตัวช่วยที่จะสามารถแก้ปัญหาตรงจุด รวมไปถึงสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ และผลลัพธ์ที่ได้นั้นตรงใจตามที่ต้องการแน่นอนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการ ย้อนวัย ด้วยเทคนิค ดึงหน้า

โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurger

The post ตื่นมาแล้วตึงเลย ดึงหน้า แก้ปัญหาของคนเลข 4 appeared first on Apex Profound Beauty.

วิตามินซี นับเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างการทำงานของภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และห่างไกลจากอาการเจ็บป่วย ซึ่งในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ก็หันมารับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินซีมากขึ้น แต่คุณเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า วิตามินซีต้องรับประทานวันละเท่าไรจึงจะเพียงพอ แล้ววิตามินซีช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วย หรือลดอาการภูมิแพ้ได้อย่างไร ? วันนี้เรามีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับวิตามินซีมาฝากกันค่ะ

1. ต้องรับประทาน วิตามินซี วันละเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ?

ถึงวิตามินซีจะเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่ก็เป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราต้องรับวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยถ้าหากเป็นคนที่มีสุขภาพดี และรับประทานผักผลไม้อย่างสม่ำเสมอ ก็ควรรับวิตามินซีวันละ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม แต่ถ้าหากต้องการเสริมภูมิคุ้มกันมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคระบาด หรือหน้าฝน ก็ควรรับวิตามินซีให้ได้วันละ 1,000 – 3,000 มิลลิกรัม

แต่ถ้าหวังผลในเรื่องของผิวสวยกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดีล่ะก็ ควรรับวันละ 2,000 มิลลิกรัม แบ่งเป็นวันละ 2 ครั้งก็จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีไปพร้อม ๆ กับการมีผิวสวยได้แล้วค่ะ

2. รับประทานวิตามินซีตอนไหนดีที่สุด ?

สำหรับคนที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินซี ก็อาจสงสัยว่าควรจะรับประทานตอนไหนถึงจะให้ผลดีมากที่สุด คำตอบก็คือตอนเช้า หลังอาหารค่ะ เพราะจะช่วยให้วิตามินซีสามารถออกฤทธิ์ไปได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งวิตามินในส่วนที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ก็จะถูกขับออกโดยไม่ตกค้างไว้จนกลายก่อตัวเป็นนิ่ว ไม่เพียงเท่านั้นการรับประทานวิตามินซียังช่วยลดอาการแสบท้อง อันเนื่องมาจากฤทธิ์เป็นกรดของวิตามินซีได้อีกด้วยค่ะ

3. วิตามินซีป้องกันหวัดได้จริงหรือไม่ ?

การรับวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายอย่างสม่ำเสมอจะสามารถช่วยลดการเกิดอาการหวัดได้ โดยมีการศึกษาพบว่าผู้ที่อยู่ในสภาวะที่มีความเครียดสูง การรับประทานวิตามินซีจะช่วยป้องกันอาการหวัดได้ หรือถ้าหากเป็นหวัดแล้วก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด และระยะอาการป่วยลงได้เช่นกันค่ะ

4. วิตามินซีช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ได้หรือไม่ ?

นอกเหนือจากช่วยป้องกันไข้หวัดแล้ว การรับวิตามินซีวันละ 2,000 มิลลิกรัมติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน จะช่วยให้ร่างกายลดการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ได้ถึง 40% ขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดการเกิดอาการภูมิแพ้ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีค่ะ

5. รับวิตามินซีต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ๆ อันตรายไหม ?

วิตามินซี เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก ดังนั้นการที่รับวิตามินซีต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ นั้นจึงไม่เป็นอันตราย อีกทั้งร่างกายยังสามารถขับวิตามินซีส่วนเกินที่ร่างกายดูดซึมไม่ได้ออกจากร่างกายผ่านทางระบบปัสสาวะอีกด้วย ทำให้ไม่เกิดการสะสมในร่างกาย เว้นเสียแต่ว่าเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานจะดีที่สุดค่ะ 

ได้รู้จักกับวิตามินซีกันมากขึ้นแล้ว ใครที่คิดจะใช้วิตามินซีเป็นตัวเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีก็ลองหามารับประทานได้นะคะ แต่ถ้าหากคุณเป็นที่รับประทานยายาก หรือไม่ชอบรับประทานยาก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้รับวิตามินซีครั้งละมาก ๆ โดยไม่เป็นอันตราย แถมวิตามินซีที่เข้าสู่ร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้ได้ 100% นั่นก็คือการให้วิตามินซีเข้มข้นผ่านทางหลอดเลือดดำ หรือการให้ IV Drip นั่นเอง

IV Drip คือวิธีการดูแลสุขภาพแบบเชิงลึกในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเหล่านั้นไปใช้ได้ 100% โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการใด ๆ ของร่างกายอีก ผลที่ได้ก็คือร่างกายจะได้รับการเสริมสร้าง และฟื้นฟูในทันทีโดยไม่ต้องรอเวลาเหมือนกับการรับประทานอาหารเสริมที่ต้องรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 3 – 6 เดือนจึงจะเห็นผล

และถ้าหากคุณกำลังสนใจการดูแลสุขภาพด้วย IV Drip อยู่ล่ะก็ อย่ามัวรอช้าค่ะ เพราะที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำปรึกษา เพื่อวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ให้คุณหมดกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และบรรดาไวรัสตัวร้ายที่พร้อมจะจู่โจมคุณโดยไม่รู้ตัว เพราะสุขภาพเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 063-310-8000
LINE@ ID : @APEXWOMEN
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexwomen

The post 5 คำถามน่ารู้เกี่ยวกับ วิตามินซี appeared first on Apex Profound Beauty.

เรื่องการดูแลตัวเองโดยเฉพาะผิวหน้า ไม่ได้มีแต่คุณสาว ๆ เท่านั้นนะคะที่ให้ความสำคัญ คุณหนุ่ม ๆ เองก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และยังมีการเปิดกว้างของสังคมสมัยนี้ที่ยอมรับว่าการดูแลตัวเองของคนเราเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเพศหญิง เพศชาย หรือเพศไหน ๆ ก็สามารถเดินเข้าสถานเสริมความงามเพื่อดูแลตัวเองกันได้ทั้งนั้น

Credit From IG @numberx9th

และยิ่งคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง แถมยังต้องใช้ใบหน้าในการทำงานด้วยแล้ว ยิ่งต้องหาตัวช่วยในการดูแลใบหน้าให้ดูดี เป๊ะปังรับทุกมุมกล้องอยู่เสมอ นักแสดงหนุ่มหล่อหน้าใสอย่าง น้องเก้า―นพเก้า เดชาพัฒนคุณ หรือกรณ์ จากซีรีส์ฮอตฮิตสุดจิ้นเรื่อง ด้ายแดง (Until We Meet Again) และกับผลงานซีรีย์ล่าสุดที่รอจ่อคิวฉายอย่างเรื่อง นับสิบจะจูบ (Lovely Writer) และหนุ่มเก้ายังเป็นเจ้าของเสียงร้องนุ่ม ๆ ในเพลง คิดได้ (Too Little, Too Late) อีกด้วย

น้องเก้าเป็นอีกหนึ่งในผู้ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะใบหน้าที่จำเป็นต่อการทำงานในวงการ น้องเก้าจึงเลือกเข้ารับการดูแลใบหน้าด้วยเครื่องยกกระชับอัลเทอร่าที่ช่วยสร้างกรอบหน้าชัดเป๊ะทุกมุมให้น้องเก้า แถมไม่ต้องทำบ่อย เพียงแค่ปีละ 1 ครั้งก็จัดการได้อยู่หมัด!

หลังจากผ่านไป 1 ปี น้องเก้าจึงกลับมาทำอัลเทอร่าอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 เพราะงานที่มากขึ้น เวลาพักผ่อนจึงน้อยลง เวลาจะดูแลตัวเองก็แทบไม่เหลือ น้องเก้าเลยต้องหาตัวช่วยที่สามารถมั่นใจถึงผลลัพธ์ นั่นก็คืออัลเทอร่าค่ะ

หลังทำ Ulthera ครั้งแรกไปแล้วเป็นยังไงบ้าง?

น้องเก้าเล่าให้เราฟังว่าผลลัพธ์หลังจากที่ทำอัลเทอร่าไปครั้งแรกนั้น พี่ ๆ ช่างแต่งหน้าถึงกับทักว่ามีเคล็ดลับการดูแลตัวเองยังไงบ้าง เลยบอกว่าไป “ทำ Ulthera ที่ APEX มาครับ” และหลังจากทำไปแล้วรู้สึกได้เลยว่า “หน้าดูยกกระชับขึ้น กรอบหน้าก็ชัดขึ้น เวลาจะทำอะไร ทั้งการถ่ายรูปหรือออกหน้ากล้อง ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผมได้มากขึ้นเยอะเลยครับ”

อะไร? คือปัญหาที่กังวลในครั้งนี้

ความกังวลที่น้องเก้าได้บอกกับเราคือ ด้วยงานในวงการที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการแต่งหน้าบ่อยกว่าเดิม ทำให้บนใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ เกิดขึ้นให้เห็น เวลาดูแลตัวเองก็ไม่ค่อยมี ยิ่งเวลานอนพักผ่อนน้อยลง ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย พวกระบบเบิร์นต่าง ๆ ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ เลยแอบมีเหนียงใต้คางให้มองเห็นบ้างแล้ว นี่เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้องเก้าถึงตัดสินใจกลับมาให้เอเพ็กซ์ดูแลใบหน้าด้วยการทำ Ulthera เป็นครั้งที่ 2

ความรู้สึกหลังจากทำอัลเทอร่าครั้งที่ 2 เสร็จแล้ว

“เห็นได้เลยว่าหน้าดูผอมลง กรอบหน้าชัดขึ้นมากและเหนียงเยอะ ๆ ก่อนหน้านี้จากการที่ไม่ได้ควบคุมอาหารก็หายไปเลย ประทับใจมากครับ” นั่นเป็นสิ่งที่น้องเก้าบอกกับเราหลังจากที่ทำอัลเทอร่าเสร็จออกมาค่ะ ซึ่งนี่คือผลลัพธ์หลังจากทำเสร็จทันทีนะคะ เห็นผลได้จริงและชัดเจนถึง 30% ของผลลัพธ์ทั้งหมดเลยทีเดียว และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มที่ใน 2 เดือนค่ะ

ได้รับคำยืนยันจากหนุ่มเก้า ที่เข้ารับการดูแลด้วยเครื่องยกกระชับอัลเทอร่าเป็นครั้งที่ 2 ขนาดนี้แล้ว คงพอทำให้ทั้งคุณ ๆ สามารถมั่นใจในประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการทำ Ulthera เพิ่มขึ้นแล้วนะคะ หรือหากใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับการรักษาแบบไหนกันแน่ สามารถเดินตรงเข้าสถาบันความงามของเอเพ็กซ์ ที่มีอยู่กว่า 30 สาขาทั่วประเทศไทย เพื่อขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลยค่ะ

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ เพื่อทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า)

The post รีวิว ยกกระชับ สร้างหน้าเรียว ด้วย Ulthera ครั้งที่ 2 ของ เก้า-นพเก้า appeared first on Apex Profound Beauty.